จากไอ้ขี้ยา สู่ราชากัญชาแห่งอเมริกา
Jeremy Moberg คือหนุ่มไม่เอาไหนจาก วอชิงตัน บางคนเรียกเขาว่าไอ้ขี้ยา ไอ้ซีด ไอ้คนห่วยแตก เขาถูกมหาวิทยาลัยไล่ตะเพิดออกด้วยข้อหาค้ากัญชาในมหาวิทยาลัย ชีวิตเส็งเคร็งไร้หลักทำให้แม่และพี่ชายที่เป็นทนายพากันส่ายหัวไปตามๆกัน วันๆเขาเอาแต่พร่ำเพ้อถึงธุรกิจขายกัญชามูลค่าเป็นร้อยๆล้านเหรียญของเขา จนคนรอบกายเอือมระอาไปตามๆกัน ความมาแตกเอาตอนที่เขาแอบลักลอบปลูกกัญชาไว้ในบ้าน ซึ่งนั่นทำให้เขาถูกตะเพิดออกนอกบ้านเหมือนหมาข้างถนน
.
เขามีเมียและลูก แต่ชีวิตของเขายังคงเหลวแหลกเหลวไหลไปกับกัญชา พืชที่กำลังกัดกินทำลายชีวิตเขาและครอบครัว เขาถูกจับหลายต่อหลายครั้งจนเมียเขาเอือมระอาและขอหย่า
.
..........................................................
.
จนกระทั่งในปี 2012 รัฐบาลสหรัฐได้รื้อกฏหมายเกี่ยวกับกัญชาขึ้นมาใหม่ มี 2 รัฐที่ยกเลิกกฏหมายเรื่องกัญชา คือ วอชิงตัน และ โคโลราโด้ นั่นหมายความว่า กัญชา จะถูกจำหน่ายได้อย่างเสรี(แต่มีการจำกัดจำนวน) และ ไอ้หนุ่มเจเรมี่ ขาซี๊ด... ได้หวนกลับมาที่บ้านเขาแล้วบอกกับครอบครัวว่า เอาล่ะ ได้เวลาเอาจริงเอาจังแล้วในเรื่องกัญชาเสียที เขาลงมือเพาะปลูกกัญชาอย่างดีในพื้นที่ไร่ซึ่งเป็นผืนที่ดินของครอบครัว และหยิบยืมเงินของแม่ ซึ่งก็แน่นอนว่าแม่ไม่เคยเห็นด้วยในสิ่งที่เขาทำเลย
.
จากวัยรุ่นห่วยๆ เขาดูเอาจริงเอาจังกับการเป็นเกษตรกรสายเขียวมากๆ และแล้วกัญชาที่เขาเพาะปลูกก็งอกงาม เขาเก็บเกี่ยวมันไปขาย จนกระทั่งตัดสินใจแปรรูปมันเองกับมือ ส่งไปขายในที่ต่างๆทั่วโลก ชีวิตจากที่ไม่มีอะไร เป็นคนไม่เอาไหน บัดนี้เขาได้กลายเป็นนักเพาะปลูกกัญชา 1 ใน 600 คนที่สหรัฐอเมริกา เซ็นต์รับรองให้ปลูกกัญชาขายได้
.
กว่า 900 กิโลกรัม ต่อปี ที่เขาผลิตกัญชาในแบรนด์ของเขาได้ ทำให้เขามีรายได้งดงามกว่า 3 ล้านเหรียญ ในเวลาเพียง 20 เดือน เป็นนักปลูกกัญชาที่มีความเชี่ยวชาญ และมีสินค้าคุณภาพที่ลูกค้าจากหลายๆประเทศในยุโรปไว้วางใจว่านี่คือกัญชาที่ปลูกในพื้นที่ที่มีทั้งความร้อนและชื้นควบคู่กันไป นั่นคือแถบๆ Okanogan ใน วอชิงตัน นั่นเอง เขาอยู่ถูกที่ถูกเวลาเสียจริงๆ เป็นคนบ้ากัญชาที่เกิดและโตในภูมิประเทศที่เหมาะสมในการเพาะปลูกกัญชา พระเจ้าสร้างเขามาเพื่อสร้างเสียงหัวเราะชัดๆ
.
..........................................................
.
จากคนที่ทั้งครอบครัวเอือมระอา บัดนี้เขาได้มีพนักงานบริษัทที่จะเข้ามาช่วยงานของเขาคือ แม่ของเขาเอง และ พี่ชาย ที่เคยสิ้นหวังในตัวเขา นั่นเพราะความร่ำรวยที่สาดซัดเข้ามาโดยที่เขาเองก็ไม่ทันตั้งตัว ทำให้เขาต้องการคนในครอบครัวเพื่อช่วยดูแล ไร่ CannaSol ของเขาได้เติบโตขึ้นพร้อมกับแสงสว่างของคนรอบข้าง ผู้คนระแวกนั้นเข้ามาทำงานที่ไร่ของเขา เขาพูดได้เพียงแค่ว่า
.
" ผมชื่นชอบบรรยากาศปาร์ตี้ของเราหลังเลิกงาน จากที่เวลามีการปาร์ตี้ที่บ้าน ผมได้แต่แอบหลบๆไปในห้องนอนเพื่อดูดปู๊น ตอนนี้ผมมีความสุขกับการนำสวดก่อนอาหาร และสามารถดูดกัญชาไปด้วยโดยไม่ต้องหลบใครอีกแล้ว แม้แต่ตำรวจ "
.
ปัจจุบัน เขายังคงเดินหน้าเพาะปลูก และทดลองกัญชาสูตรใหม่ๆ และโคลนนิ่งกัญชาสายพันธุ์ใหม่ๆเพื่อออกขาย โดยมีคุณแม่เป็นผู้ช่วย และพี่ชายเป็นฝ่ายกฏหมายของบริษัท
















