บ๊อบบี้ โจ ลอง นักข่มขืนจอมโฆษณา
บ๊อบบี้ โจ ลอง นักข่มขืนจอมโฆษณา
สาเหตุที่ทำให้คนธรรมดากลาย
ปี 1876 ลอมโบรโซ อาจารย์ทางนิติเวชวิทยา ได้ออกหนังสือชื่อ "Criminal Man" หนังสือของเขาโด่งดังไปทั่ว
- กลุ่มลอบสังหาร (นักการเมือง) จะมีลักษณะคือ ขากรรไกรแข็งแรง โหนกแก้มห่างกันมาก ผมดกดำ เคราหรอมแหรม สีหน้าซีดคล้ายคนอมโรค
- กลุ่มทำร้ายร่างกาย มีกระโหลกกลม มือยาว หน้าผากแคบ
- กลุ่มข่นขืน มือสั้น หน้าผากแคบ ผมทอง อวัยวะเพศผิดปกติ
- กลุ่มนักวางเพลิง มือและเท้ายาว ศีรษะเล็ก น้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
ตัวอย่างที่เห็นชัดเช่น อังเดร ชิกาทิโล ฆาตกรต่อเนื่องในรัสเซียก็ม
บ๊อบบี้ โจ ลอง หรือโรเบิร์ต โจ ลอง เกิดวันที่ 14 ตุลาคม มีฉายาว่า Classified Ad Rapist (นักข่มขืนจอมโฆษณา) ฆ่าคนไป 10คน (อาจมากกว่านั้น) ก่อเหตุเฉพาะในปี 1984 ในฟลอริดา ข่มขืนอย่างทารุณและฆ่าผู้ห
เป็นฆาตกรที่แฝงตัวในบุคลิก
บ๊อบบี้ โจ ลอง เกิดที่เมืองเคโนฟ เมืองหนึ่งในเวอร์จิเนีย ตอนที่เขาเกิดมานั้นพบว่าเขามีความผิดปกติของยีนคือ เขามีโครโมโซม X พิเศษ (โครโมโซม X คือ โครโมโซมเกี่ยวกับเพศและพันธุกรรม)
ทำให้หัวนมของเขาขยายใหญ่จนเหมือนหน้าอกผู้หญิง กลายเป็นจุดด้อยทำให้เขาถูกล้อเลียนอย่างรุนแรงในสมัยเด็ก และเขามีความสัมพันธ์ประเภท *dysfunctional family ระหว่างแม่กับเขา และเมื่อเขาเป็นวัยรุ่นก็มีเรื่องขัดเคืองเกี่ยวกับเพื่อนชายของแม่เล็กน้อย ในปี 1974 เขาแต่งงานกับแฟนที่คบหากันในโรงเรียน มีลูกด้วยกันสองคน ก่อนที่เธอจะขอยื่นใบหย่าในปี 1980 ด้วยเหตุผลใดไม่ทราบ (ซึ่งน่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้บ๊อบบี้ โจ ลอง เริ่มฆ่าผู้หญิง)
(*dysfunctional family ยังไม่มีนิยามที่จำกัดเฉพาะเจาะจงและกินความหมายกว้าง แต่ถ้าแปลง่าย ๆ ก็หมายถึงครอบครัวที่ไม่สามารถทำหน้าที่ของครอบครัวได้ ขาดความเข้าใจในกันและกัน ไม่สามารถสื่อสารระหว่างกันและกันได้อย่างสนิทใจ หรือมีสิ่งแวดล้อมในทางลบที่ส่งผลต่อการเติบโตของสมาชิกในครอบครัว มีการทำร้ายกันในด้านร่างกายและอารมณ์ความรู้สึก
ก่อนหน้าที่บ๊อบบี้ โจ ลองจะก่อเหตุฆาตกรรมต่อเนื่อง ในพื้นที่ที่บ๊อบบี้อยู่นั้นมีคดีข่มขืนอย่างน้อย 50 คดี ในเขตฟอร์ท ลอเดอร์เดล, โอคาลา, ไมอามี่ และเดด คันทรี่ หากบ๊อบบี้เป็นคนก่อคดีนี้ทั้งหมดแล้วล่ะก็เขาน่าจะมีความคิดวิปริตตั้งแต่นั้นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมตั้งแต่ปี 1981 บ๊อบบี้กลับเลิกออกอาละวาดออกหาเหยื่อ แต่หันมาเริ่มทำการโฆษณาทางสื่อแทน ผู้หญิงคนหนึ่งหลงตัวตอบรับ เขาจึงไปหาเธอที่บ้านและพบว่าเธออยู่คนเดียว
เขาลงมือข่มขืนเธอ และถูกจับในที่สุด หากฝ่ายหญิงไม่เอาเรื่อง ทำให้โทษของบ๊อบบี้ลดลง ทำให้บ๊อบบี้ได้ข้อคิดว่าจะก่อคดีควรทำโดยไม่ให้ถูกจับได้ ไม่รู้ว่าเหยื่อของบ๊อบบี้ โจ ลอง ที่ถูกฆ่าไปมีทั้งหมดกี่รายกันแน่ แต่เหยื่อที่สามารถระบุได้เป็นทางการ ถูกพบเป็นรายแรกเป็นศพของหญิงเปลือยคนหนึ่ง พบเมื่อพฤษภาคม 1984 ก่อนที่จะมีรายงานการพบศพหญิงเปลือยอีกอย่างน้อย 10 ศพ ทำให้ผู้เกี่ยวข้องในหลายพื้นที่รวมทั้งบุคคลการสถานที่ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น HCSO, FBI, กรมตำรวจ, เจ้าหน้าที่พนักงานมณฑล และ FDLE ต้องทำงานกันอย่างจ้าละหวั่น
13 พฤษภาคม 1984 ทางตะวันออกเฉียงใต้ของแทมป้า ฟลอริด้า ในสถานที่แห่งหนึ่ง มีผู้พบศพ ซิมส์ มิเชลล์ เดนิส หญิงทำงานกลางคืน อายุ 22 ปี ในสภาพเปลือยเปล่า มีร่องรอยถูกทุบตีและถูกชกที่ใบหน้าอย่างรุนแรง แขนขาหัก ที่คอมีรอยรัดขนาดใหญ่ปรากฏ น่าจะเป็นรอยจากผ้าไหม การตรวจสอบพบว่ามีอสุจิจำนวนมากอยู่ทั่วร่างกายของเธอ
ซึ่งสามารถตรวจระบุได้ว่า ฆาตกรมีเลือดกรุ๊ป AB จากการพบศพนี้คดีเข้าถึงมือ FBI ในเวลาต่อมา เนื่องจากสอบประวัติผู้ตายแล้ว ผู้ตายไม่มีศัตรูที่ถึงขนาดเคียดแค้นจนต้องฆ่าให้ตาย และคดีนี้บางทีอาจเป็นคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง FBI สรุปว่า ฆาตกรต้องมีพาหนะในการขนส่ง จากสภาพของเหยื่อต้องถูกฆ่าเปลือยมาแล้วและถูกทิ้งไว้จนเน่าเปื่อย ฆาตกรชอบทิ้งศพไกลตาผู้คน เช่น ถนนแถบชนบทและในป่า และเวลาฆ่าเหยื่อมักจัดวางตำแหน่งเหยื่อในลักษณะแปลก ๆ
นอกจากนี้ยังทำการวิเคราะห์สันนิษฐานฆาตกรในคดีนี้ว่าเป็นอย่างไร FBI วิเคราะห์ว่าฆาตกรรายนี้ภายนอกเหมือนคนปกติ ชอบเข้าสังคม ไม่แสดงอารมณ์เด่นชัด หลงตัวเองเป็นที่สุด แข็งแรง อาจมีรอยสัก และพกอาวุธปืน ฆาตกรน่าจะเป็นผู้มีการศึกษา แต่มีปัญหาด้านการปรับตัวและระเบียบวินัย เหลวไหล และเขาอาจมีประวัติในคดีลอบวางเพลิง และทารุณสัตว์ ทางการได้ส่งข้อมูลนี้ไปทั่วทุกรัฐในฟลอริด้าหากแต่มันก็ไม่ช่วยให้ฆาตกรต่อเนื่องหยุดพฤติกรรมของมันได้เลย
8 มิถุนายน 1984 เอลิซาเบ็ธ ลอเดนแบ็ก หญิงสาววัย 22 ปี หายตัวไปอย่างลึกลับ และ 2 สัปดาห์ต่อมามีคนพบศพเธอในสภาพเน่าเปื่อย จนเหลือแต่กระดูก สาเหตุการตายระบุว่าถูกฆ่ารัดคอ และจากการตายของเอลิซาเบธนี้ ทำให้การคาดการณ์ของเจ้าหน้าที่ผิดเพี้ยนไปหมดเพราะว่าเธอไม่ได้ขายตัวและไม่ได้ใช้ยาเสพติด
อะไรคือจุดร่วม ที่ทำให้ฆาตกรเลือกเหยื่อในครั้งนี้? หลายวันหลังจากนั้นฆาตกรต่อเนื่องยังคงย่ามใจและก่อคดีอย่างเมามัน. 7 ตุลาคม 1984 พบศพ ชาแนล เดวอน วิลเลี่ยมส์ สาวผิวดำที่เพิ่งออกจากคุกหลังค้าประเวณีถูกฆ่า ศพของเธอถูกทิ้งแถวฟาร์มปศุสัตว์สัตว์ทางเหนือของสวนสาธารณะ ฮิลส์โบโรจ์ นานกว่า 1 สัปดาห์
ร่างเน่าเละเต็มไปด้วยหนอน เสื้อผ้ากางเกงหลุดลุ่ย จนจำสภาพหน้าไม่ได้ต้องอาศัยลายนิ้วมือพิสูจน์ว่าเป็นใคร ตำรวจพบคราบอสุจิและกลุ่มเลือดที่คาดว่าเป็นของฆาตกรรายเดียวกันก่อนหน้านี้
14 ตุลาคม 1984 ทางตะวันออกเฉียงเหนือของฮิลล์โบโรจ์ คันทรี่ พบศพ คาเรน ดินสเฟรน หญิงขายบริการ อายุประมาณ 28 ปี มีผ้าพันคอสีแดงล้อมรอบตัวศพ เนื้อหนังถลอก แสดงให้เห็นว่าฆาตกรมีคนเดียว เพราะเธอโดนลาก มีเสื้อเพียงตัวเดียวครอบอยู่ที่หัวของเธอ ตำรวจพบอสุจิในร่างของศพ จึงรู้ว่าเป็นฝีมือของฆาตกรก่อนหน้านี้
ถัดไป 2 สัปดาห์หลังวันฮาโลวีน พบศพ คิมเบอร์ลี่ ฮุปส์ อายุ 22 ปี สาวขายบริการ ริมถนนทางเหนือสาย 301 ฮิลล์โบโรจ์ คันทรี่ ถูกฆ่ารัดคอด้วยผ้าสีดำ 6 พฤศจิกายน 1984 ในเมือปาสโก้ไม่ไกลจากฮิลล์โบโรจ์ พบศพ เวอร์จิเนีย จอห์นสัน หญิงขายบริการ อายุ 20 ปี ในฟาร์มปศุสัตว์ เสียชีวิตเพราะถูกฆ่าคัดคอด้วยเชือกผูกรองเท้า
12 พฤศจิกายน ในแทมป้า พบศพ คิมแมรี่ สแวนน์ อายุ 21 ปี อาชีพนักเต้นรำ ตายมาแล้ว 2-3 วัน เสื้อผ้าอยู่ครบ ตำรวจรู้ชื่อเธอจากใบขับขี่ในกางเกงยีนต์ เธอถูกฆ่ารัดคอ และมีแผลไหม้ที่ร่างกาย และตำรวจเริ่มได้ข้อสันนิษฐานอย่างหนึ่งคือ ฆาตกรเน้นเหยื่อที่มีอายุราว 20 ปีต้น ๆ
ศพที่ตำรวจรู้ชัดว่าเป็นฝีมือของฆาตกรคนเดียวกันมีจำนวนเท่านี้ หากแต่หลังจากการจับบ๊อบบี้ โจ ลองได้ หลังการปล่อยเหยื่อคนหนึ่งคือ ลิซ่า แมควี่ อายุ 18 ปี ที่พบกันระหว่างทาง เขาจับเธอขึ้นรถและมีเซ็กส์กับเธอตลอด 26 ชั่วโมง โดยตลอด 26 ชั่วโมงนั้น เขาข่มขืนเธอมาราธอน โดยปิดตาเธอ ก่อนที่จะปล่อยตัวเธอไว้ข้างทาง
เพราะเหตุใดเธอจึงไม่ถูกฆ่าไม่มีใครทราบ และเมื่อลิซ่าได้สติ เธอรีบมาแจ้งความทันที เธอให้การว่า “เขารู้สึกมีความสุขที่ได้ข่มขืนและฆ๋าเหยื่อของเขา” และตำรวจก็เชื่อมโยงคดีฆาตกรรมต่อเนื่องก่อนหน้า และจับบ็อบบี้ได้คารถเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน บ๊อบบี้ให้การกับเจ้าหน้าที่คร่าว ๆ ว่าความจริงตนสังหารเหยื่อไปมากกว่าที่เจ้าหน้าที่รู้เสียอีก
บ๊อบบี้ โจ ลอง ถูกตำรวจจับอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1984 เขาให้การว่า เขาเข้ามาที่แทมป้าในปี 1983 และทำการฆาตกรรมในปีนั้นถึง 30-35 ราย และในปี 1984 เขาทำการสังหารเหยื่อในช่วง 8 เดือนโดยไม่ซ้ำแบบ ความจริงมีเหยื่ออีก 5 รายที่เจ้าหน้าที่หาไม่พบ แต่เขาจำไม่ได้ว่าซ่อนไว้ไหน รู้แต่ว่าเหยื่อมีอาชีพเป็นนักเต้นระบำโป๊ นักเรียน คนงานในโรงงาน นอกนั้นไม่รู้ บ๊อบบี้ โจ ลองถูกตัดสินประหารชีวิตด้วยเก้าอี้ไฟฟ้า เมื่อ 24 กันยายน 1985
จากคดีฆาตกรรม ซิมส์ มิเชล เดนิส หากแต่ภายหลังได้รับการลดหย่อนโทษ เหลือเป็นจำคุกตลอดชีวิต ปัจจุบัน บ๊อบบี้ โจ ลอง ยังคงอยู่อย่างสุขสบายในเรือนจำ ตอนนี้อายุก็ปาไป 56 ปี แล้วและไม่ทีท่าจะได้ออกจากเรือนจำไปสู่สังคมแต่อย่างใด
เมื่อวันที่ 15 ก.พ. 2013 เขาได้เขียนจดหมาย 6 หน้ากระดาษไปให้หญิงคนหนึ่ง เพื่อเกี้ยวพาราสีเธอ พร้อมอธิบายลักษณะรสนิยมทางเพศโปรดของเขาให้เธอรู้อีกด้วย

















