ทีมชาติไทย แม้ว่าจะหมดโอกาสที่จะลุ้นเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2018เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ แต่ก็ยังเหลือการลุ้นคว้าชัยชนะนัดแรกในรอบนี้ให้ได้ จะลงเล่นนัดส่งท้ายด้วยการออกไปเยือน ออสเตรเลีย ที่ยังต้องการสามแต้มเพื่อลุ้นเข้ารอบสุดท้ายต่อไป

เกมนี้ มิโลวาน ราเยวัช กุนซือทีมชาติไทย จะต้องเจอกับปัญหานักเตะไม่พร้อมลงสนาม โดยเฉพาะตำแหน่งมิดฟิลด์คู่กลาง ที่จะไม่มีทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ ที่บาดเจ็บไปก่อนหน้านี้ และ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ที่ติดโทษแบนจากเกมล่าสุดกับอิรัก ทำให้เกมนี้ เฮดโค้ชชาวเซอร์เบียจะต้องคิดหนัก เรื่องการหาผู้เล่น และระบบการเล่นที่จะทดแทนนักเตะที่ขาดหายไป

4-2-3-1 (Default)

หลังจากที่ มิโลวาน ราเยวัช เข้ามาคุมทีมชาติไทย เขาเลือกที่จะออกสตาร์ทด้วยแผนการเล่นในระบบนี้ทุกนัด ทำให้มีความเป็นไปได้อย่างสูงที่จะยังยึดระบบการเล่นนี้เอาไว้

โดยตำแหน่งผู้รักษาประตูจะยังเป็น  สินทวีชัย หทัยรัตนกุล นายทวารจอมเก๋าจากสุพรรณบุรี ได้ลงเป็นตัวจริง แม้ว่าเกมที่ผ่านมากับอิรักจะเสียสองประตู แต่ก็ถือว่าจนปัญญา  แนวรับ ตำแหน่ง แบ็กขวา ทริสตอง โด ที่เกมที่แล้วถูกเปลี่ยนตัวลงมามีส่วนเต็มๆกับประตูอาจจะเบียด อดิศร พรหมรักษ์ ลงเป็นตัวจริง  และคู่เซนเตอร์ยังคงเป็น คู่ที่ใช้มาตลอดได้แก่ พรรษา เหมวิบูลย์ กับ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว โดยที่มี พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา เป็นแบ็กซ้าย

คู่กองกลาง เมื่อไม่มีทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ทำให้ วัฒนา พลายนุ่ม ที่เกมที่แล้วได้ลงตัวจริง และเป็นกองกลางตัวรับเพียงแค่คนเดียวของทีมในตอนนี้ น่าจะจองโควตาแน่นอน หนึ่งตำแหน่ง โดยน่าจะจับคู่กับ ปกเกล้า อนันต์ ที่มีโอกาสเบียดคนอื่นๆลงสนามก่อน

ในส่วนของแนวรุก ยังคงเป็นชุดเดิม โดยที่ ปีกจอมขนัยแบบ มงคล ทศไกร น่าจะได้ลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ที่ถูกโยกมาเล่นตำแหน่งนี้และทำได้ดี ส่วนกองหน้าตัวเป้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา ที่เคยยิง ออสเตรเลียมาแล้ว ในการเจอกันเมื่อปี 2011 รวมไปถึงการเจอกันแมตช์ล่าสุดในรอบนี้ที่ประเทศไทยทั้ง 2 ประตู

 4-3-3 (Attack)

เกมนี้ช้างศึกไม่มีอะไรจะเสียแล้ว การเดินเครื่องแบบเต็มที่เพื่อเล่นเอาใจแฟนบอลที่ตามไปเชียร์ และอยู่ที่ไทย รวมไปถึงการเปิดเกมรุกใส่เจ้าบ้านก่อน อาจจะเป็นอะไรที่เหนือคาด และเป็นไปได้ว่าจะนำมาซึ่งผลการแข่งขันที่เซอร์ไพรส์

โดยแผนนี้ แนวรับแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงโดยมี สินทวีชัย หทัยรัตนกุล  ลงเล่นเป็นตัวจริง แบ็กขวาใช้ ทริสตองโด ที่เกมที่แล้วเป็นตัวสำรองแต่ลงมาเปลี่ยนเกมได้ ส่วนคู่เซนเตอร์ จะยังเป็นคู่เดิม โดยที่มี พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว แบ็กซ้ายใช้ พีรพัฒน์ โน๊ตชัยยา

ขยับมาที่ตำแหน่งแดนกลาง การขาดหายไปของ ทั้ง ธนบูรณ์ เกษารัตน์ กับ ฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์  นั้นทิ้งช่องว่างขนาดใหญ่ให้ ราเยวัช ในแผงกลาง แต่สามารถแก้ไขด้วยการเปลี่ยนแปลงระบบโดยให้ วัฒนา พลายนุ่ม เล่นเป็นกองกลางตัวรับเพียงแค่คนเดียว โดยทำเกมร่วมกับ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และ ธีราทร บุญมาทัน ที่เคยเล่นกองกลางมาบ้างแล้ว

ส่วนแนวรุกทางด้านขวาใช้ปีกฝีเท้าจัดแบบ นูรูล ศรียานเก็ม และทางซ้ายให้ สิโรจน์ ฉัตรทอง ที่มีความแข็งแกร่งที่พอจะเบียดปะทะกับแนวรับรูปร่างสูงใหญ่ของออสเตรเลียได้สบาย และกองหน้าตัวเป้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา

3-4-1-2 (Defense)

กับสถานการณ์ในนัดส่งท้าย ที่ทีมชาติไทย จะต้องเจอกับ ออสเตรเลีย ที่ต้องการเป้าหมายคือสามแต้มเท่านั้นเพื่อลุ้นเข้ารอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซีย นอกจากนี้ยังต้องการตุนประตูได้เสียให้มากที่สุด ทำให้คาดได้ว่า ทีมช้างศึกจะต้องเจอการโหมบุกหนักตลอดทั้งเกม ซึ่ง มิโลวาน ราเยวัช อาจจะปรับหมากการเล่นในระบบที่รัดกุม และรอโต้กลับแทน

หากยังจำกันได้ทีมชาติไทย สามารถประเดิมแต้มแรกในฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกจากระบบนี้ และคู่แข่งทีมนี้ ในการเจอกันที่สนามราชมังฯ และสกอร์จบที่ 2-2 โดยในระบบนี้ จะมี สินทวีชัย หทัยรัตนกุล ลงเฝ้าเสา

แนวรับเซนเตอร์ฮาล์ฟสามคนจะมี อดิศร พรหมรักษ์ ลงรับผิดชอบพื้นที่ในแนวรับร่วมกับ พรรษา เหมวิบูลย์ และ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว

วิงแบ็กทางด้านขวาใช้ ทริสตอง โด และทางซ้ายขยับเอา ธีราทร บุญมาทัน มาลงเล่น และคู่กองกลาง วัฒนา พลายนุ่ม ตัวจริงจากเกมที่แล้วจะได้จับคู่กับ ปกเกล้า อนันต์

ตำแหน่งกองหน้าต่ำที่คอยปั้นเกมรุกอยู่หลังคู่กองหน้าจะเป็นหน้าที่ของ ชนาธิป สรงกระสินธ์ และคู่กองหน้าเป็น สิโรจน์ ฉัตรทอง กับ ธีรศิลป์ แดงดา

Credit : Football Tribe