หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

กฎหมายปล้นทองคำจากประชาชนไปให้นายธนาคารของรัฐบาลอเมริกา” โดย Jeerachart Jongsomchai

โพสท์โดย ฟินจังเลย

 “Executive Order 6102 กฎหมายปล้นทองคำจากประชาชนไปให้นายธนาคารของรัฐบาลอเมริกา” โดย Jeerachart Jongsomchai

ในวันที่ 1 เดือนพฤษภาคม ปี 1933 เป็นต้นไป ประธานาธิบดีแฟรงดีรูสเวลท์ ของอเมริกาที่สนิทกับนายธนาคารวอลล์สตรีทในช่วงเลือกตั้ง ได้ออกกฎหมายที่อื้อฉาวขึ้นมาฉบับหนึ่งคือ Executive Order 6102 ที่มีเนื้อหาในการ “ไม่อนุญาติให้ประชาชนชาวบ้านธรรมดา หรือองค์กรใดๆ ครอบครองทองคำหรือเงินซิลเว่อร์ทั้งเหรียญ ทองคำแท่ง หรือทองคำกระดาษ” หรือที่เข้าใจได้ง่ายๆก็คือการปล้นหรือดูดยึดเอาทองคำจากชาวบ้านไปส่งให้นายทุนธนาคารใหญ่ที่อยู่ภายใต้นามของ ธนาคารกลางอเมริกาหรือ เฟด เก็บไว้แทน

... he issued Presidential Proclamation 2039 that forbade the hoarding 'of gold or silver coin or bullion or currency', under penalty of $10,000 and/or up to five to ten years imprisonment.

 

... โดยใครฝ่าฝืนจะมีโทษทั้งจำ ปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ เช่นปรับ 10,000 ดอลล่าร์และติดคุก 5 ถึง 10 ปี จากการแอบเก็บทองคำเอาไว้

... โดยบริบทในตอนนั้น “อเมริกา” กำลังเจอกับวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ หรือ The Great Depression ในช่วงหลังปี 1929 ที่ประเทศเจอวิกฤติเศรษฐกิจใหญ่ทำเอาการค้าการลงทุนสะดุด ชาวบ้านทำมาค้าขายลำบาก เงินไม่ไหลเวียนในระบบ และคนทั่วไปต่างเก็บสะสมทองคำมากกว่าเงินสดดอลล่าร์

... รัฐบาลจึงต้องการที่จะเอาเงินมาอัดฉีดไหลเวียนในระบบมากขึ้น เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ติดที่ว่า ตอนนั้นกฎหมายของเฟด ตามพรบ.ธนาคารกลางของอเมริกาที่มีธนาคารใหญ่ของเอกชนเป็นเจ้าของปี 1913 ได้ระบุว่าการจะผลิตเงินออกมากระตุ้นเศรษฐกิจนั้นต้องมีทองคำค้ำประกันแบบ Gold Standard ถ้าจะผลิตเงิน 100 ดอลล่าร์ ต้องมีทองคำสำรองที่ 40% เป็นอย่างน้อยเพื่อป้องกันปัญหาเงินเฟ้อในระบบด้วย

... และยิ่งกว่านั้นช่วงนั้นเป็นรอยต่อของปลายสงครามโลกครั้งที่ 1 และช่วงต้นๆ ของสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายประเทศมีการห้ามนำเข้าและส่งออกทองคำ ทำให้รัฐบาลอเมริกาที่หน้ามืดต้องการดูดเงินจาก มองใครไม่เห็นนอกจากทองคำจากชาวบ้านภายในประเทศเป็นเป้าหมาย หลัก และ“เหยื่อถูกปล้นทองคำ” คือชาวบ้านในประเทศอเมริกานั่นเอง

... เพราะยามสงครามเงินกระดาษจะไร้ค่า มีแต่ทองคำเท่านั้นที่จะสามารถอาไปซื้ออาหารเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ทางสงครามได้

... และหลังจากออก “กฎหมายปล้นทองคำคนจนไปให้คนรวย” สำเร็จ ในปีต่อมา 1934 ก็มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับการสำรองทองคำขึ้นมา แต่ยังไม่ยอมให้สิทธิชาวอเมริกันครอบครองทองคำได้อีกต่อไป

 

... ชาวอเมริกาทั่วไปและองค์การธรรมดา เพิ่งจะมีโอกาสได้ซื้อขายสะสมทองคำได้อีกครั้งอย่างถูกกฏหมายก็เมื่อไม่นานมานี้เอง เมื่อปี 1974 หลังจากที่ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสันได้ยกเลิกการสำรองทองคำในการผลิตเงินดอลล่าร์ไปแล้วสามปีเมื่อปี 1971 แล้วให้กลับมาใช้ระบบ Fiat Currency ในปี 1971 เพราะว่าไม่มีทองคำเพียงพอที่จะสำรองในการผลิตเงิน และจากนั้นมาการเงินโลกก็ “เฟ้อ” แบบมโหฬาร

เพราะไม่มีทองคำเป็นตัวสำรองและคันเบรกในการผลิตเงิน ทำให้อัตราเงินเฟ้อทะยานสูงขึ้นในแต่ละปีมากกว่าที่ควรจะเป็น ( แต่ชาวโลกทั่วไปคิดว่าเป็นเรื่องธรรมชาติ จริงๆแล้วสิ่งที่ถูกออกแบบมาทำให้ระบบการเงินเฟ้อมากกว่าความเป็นจริงคือระบบ Fiat Currency ที่ไม่มีทองคำในการสำรองผลิตเงิน และระบบ Fractional Reserve ที่ยินยอมให้นายธนาคารเอาเงินฝาก 90% ของลูกค้ามาปล่อยกู้ในระบบได้อีกทวีคูณ โดยเก็บสำรองเงินลูกค้านั้นในธนาคารแค่ 10% )

... และทำให้เป็นผลดีต่อนายธนาคารและบริษัทผู้ผลิตสินค้าต่างๆในอเมริกาและเครือข่ายลูกน้องทั่วโลก เพราะตามหลักเศรษฐกิจอุปสงค์และอุปทานเมื่อเงินมากขึ้นแต่สินค้าน้อย ราคาสินค้าก็แพงมากขึ้น ทำให้หลังจากปี 1971 มา ทั่วโลกก็เจออัตราเงินเฟ้อที่สูงมากมหาศาลมโหฬารมากกว่าอัตราการขึ้นของรายรับหรือเงินเดือนประจำปีของชาวบ้านร้านตลาดทั่วไป

แปลว่าคนทั่วไปจะสูญเสียมูลค่าเงินของตัวเองไปเรื่อยๆ แล้วผลประโยชน์ส่วนต่างก็จะไปตกกับนายธนาคารและบริษัทห้างร้านขนาดใหญ่ที่ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค ที่ทำให้เราต้องผ่อนรถผ่อนบ้านนานกว่าแต่ก่อนนานขึ้นเรื่อยๆ จะเกือบจะทั้งชีวิตเป็นลูกทาสในเรือนเบี้ยสมัยใหม่

 และ “กฎหมายปล้นทองคำคนจนไปให้คนรวย” ของอเมริกาในปี 1933 นั้นก็เป็นรอยด่างพร้อยอันใหญ่ที่ลบเลือนไม่ได้ และเป็นการบอกให้ชาวโลกและอเมริกันชน ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ได้ทราบว่า แท้จริงแล้ว ระบอบเลือกตั้งธิปไตยที่อ้างอย่างสวยหรูนั้น เพื่อใครกันแน่ ถ้าไม่ใช่ เพื่อชนชั้นกระฎุมพีนายทุนนายธนาคารขนาดใหญ่ของทั้งอเมริกาและทั่วโลกที่เป็นเครือข่ายเดียวกัน

เช่น กลุ่มBilderberg ที่เป็นกลุ่มเครือข่ายร่วมของนักการธนาคารและนักธุรกิจของอเมริกาและยุโรป หรือ กลุ่ม Trilateral Commission (TC) ที่เป็นกลุ่มเครือข่ายร่วมของนายธนาคารและนักธุรกิจของทั้งสามทวีปอเมริกา ยุโรปและเอเชียโดยเฉพาะญี่ปุ่นและเกาหลีใต้

โดยมีการควบคุมออกนโยบายต่างประเทศให้สอดคล้องไปในทางเดียวกันโดยกลุ่มหัวสมองนักวางแผนและเขียนบทละครโดยกลุ่ม Council on Foreign Relations (CFR) ที่มีฐานใหญ่ที่อเมริกา

... ตอนนี้สงครามยังไม่เริ่ม และมีโอกาสซื้อทองคำ จึงเป็นโอกาศอันดีที่คนธรรมดาจะสามารถซื้อทองคำมาเก็บไว้ได้ 
.

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ฟินจังเลย's profile


โพสท์โดย: ฟินจังเลย
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: เทียร์
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ดาราดัง "ด็อก แอนเทิล" ถูกศาลสั่งจำคุกแล้ว!!"ฮุนเซน" เรียกร้องให้ไทย ปล่อยตัวหัวหน้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ชายวัย 60 ปี แต่งหญิง นอนกับชายหนุ่มกว่า 1,600 คน ก่อนถ่ายคลิปอัพลงเน็ตหนุ่มวัย 38 ปลอมตัวเป็นสาวสวย ลวงกินชายหนุ่มกว่า 1,600 คนทั่วจีน ทั้งหนุ่มหุ่นล่ำ หนุ่มออฟฟิศยันหนุ่มมีครอบครัวประเทศที่คนมีอายุสั้นที่สุด 5 อันดับแรกของโลกมะกันยกเลิกกฎถอดรองเท้าที่สนามบินแล้ว!!Avril Lavigne จากร็อกสตาร์ยุค 2000 สู่ภาพลักษณ์ใหม่ที่ทำให้แฟน ๆ อึ้ง10 เลขเด็ดเลขดัง "สลาก 5 ภาค" งวดวันที่ 16 กรกฎาคม 68..อยากถูกหวย ส่องเลย!!"พลอย-ภัทรากร" เสิร์ฟความแซ่บ! อาหารเช้าเบาๆ แต่เร้าใจในชุดบิกิuี่ดำสุดlซ็กซี่🔥20 ปีไม่ล้างเมคอัพ อุทาหรณ์จากหญิงสาวจีน สู่ใบหน้าพังยับเยินจังหวัดในประเทศไทย ที่มีปริมาณฝนตกน้อยที่สุดเวลาจากไปก็ให้เหมือน กับตอนที่จากมา (การบรรจุพระศพลงพระโกศ)
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รูปปั้นโบราณชิ้นสำคัญ ที่ประเทศไทยได้กลับคืนมาจากสหรัฐอเมริกา
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
จังหวัดในประเทศไทย ที่มีปริมาณฝนตกน้อยที่สุดประเทศที่คนมีอายุสั้นที่สุด 5 อันดับแรกของโลกเตือนภัยใกล้ตัว เปิดแอร์ทำอาหาร เสี่ยงพิษคาร์บอนมอนอกไซด์ถึงชีวิตherald: ประกาศ สื่อ แจ้งข่าว
ตั้งกระทู้ใหม่