หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

ตำนาน...ที่ไม่มีวันได้รู้ความจริง !!! "ปลัดขิก" สิ่งศักดิ์สิทธิ์...สุดเร้นลับ !!! ที่เกิดขึ้นเพราะ"กามราคะของพระศิวะ" !!

โพสท์โดย warrior B

ตำนาน...ที่ไม่มีวันได้รู้ความจริง !!! "ปลัดขิก" สิ่งศักดิ์สิทธิ์...สุดเร้นลับ !!! ที่เกิดขึ้น เพราะ "กามราคะ..ของพระศิวะ" !!!

ปลัดขิกหรือขุนเพ็ดจัดเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับความนิยมอีกอย่างหนึ่งของคนไทย ปลัดขิกส่วนมากแกะสลักมาจากไม้ที่เชื่อกันว่าเป็นไม้มงคล หรือบางทีอาจทำจาก หิน ทองเหลือง ทองแดง กัลปังหา เขา งา เขี้ยว ของสัตว์

แกะสลักเป็นรูปร่างเหมือนอวัยวะเพศชาย แต่ไม่มีหนังหุ้มปลายอวัยวะ มีขนาดต่าง ๆ กันและยาวพอเหมาะกับขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง

เมื่อทำการแกะสลักแล้ว ก่อนนำมาบูชาเป็นเครื่องรางของขลังจะต้องทำการปลุกเสก โดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์ หรือพระภิกษุ ซึ่งหากทำการปลุกเสกด้วยพระภิกษุเชื่อกันว่าจะได้รับพระพุทธคุณมาด้วย

ในปัจจุบันจึงพบว่าปลัดขิกส่วนใหญ่มาจากการปลุกเสกของพระภิกษุ คนไทยส่วนใหญ่เชื่อกันว่าให้คุณแก่ผู้บูชา ส่วนชาวต่างชาติก็ทำเป็นของสะสม

ส่วนชื่อเรียก ปลัดขิก ไม่มีที่มาปรากฏชัดว่าเหตุใดจึงเรียกเช่นนั้น ส่วนคำว่า ปลัด หมายถึง ตำแหน่งรองจากตำแหน่งที่เหนือกว่า หรือสันนิษฐานว่าพ้องเสียงมาจากคำว่า ปราศวะ ในภาษาสันสกฤต แปลว่าเคียงข้าง

เนื่องจากผู้บูชาปลัดขิกนิยมแขวนไว้ที่เอวหรือหากเป็นเด็กจะแขวนที่คอ เมื่อมีผู้พบเห็นแล้วเกิดหัวเราะเสียงดังคล้าย คิกๆคักๆ จึงอาจเพี้ยนมาเป็นปลัดขิก

-ประวัติ ที่หลากหลายในอดีต-

ตามความเชื่อที่เล่าสืบต่อกันมานั้น สันนิษฐานว่าอาจได้รับอิทธิพลมาจากชาวอินเดียในแถบตะวันออกเฉียงใต้ ประมาณ 2000 ปีก่อน โดยอาจเกี่ยวข้องกับชาวฮินดูที่นับถือพระอิศวร และบูชาแท่งหินแกะสลักคล้ายอวัยวะเพศชาย เรียกว่า ศิวลึงค์

การเริ่มบูชาปลัดขิกนั้นมีจุดเริ่มต้นมาจากการบูชาพระอาทิตย์และพระจันทร์ ซึ่งได้มีการสร้างเสาหินที่ผสมผสานระหว่างรูปร่างของพระอาทิตย์ และพระจันทร์เข้าด้วยกัน

หากดูผิวเผินจะคล้ายกับอวัยวะเพศชาย จึงเรียกว่า ลึงค์ เมื่อมีความเชื่อเกี่ยวกับพระอิศวรหรือพระศิวะกับพระอุมา ศิวะลึงค์จึงได้สร้างขึ้นมาให้มีขนาดเล็กลงเพื่อความสะดวกในการพกพา

บางตำนาน กล่าวว่าเกิดจากบรรดาเทพและมนุษย์ร่วมกันสร้างเพื่อบูชาพระศิวะ แต่การจะสร้างพระศิวะเพื่อบูชานั้นอาจดูว่าเป็นเรื่องธรรมดามากเกินไป จึงได้สร้างศิวะลึงค์ขึ้นบูชาซึ่งอาจสื่อถึงความมีราคะของพระศิวะ

ส่วนอีกตำนานหนึ่งนั้นกล่าวว่า วันหนึ่งพระศิวะร่วมเสพสังวาสกับพระอุมาในท้องพระโรง ทำให้บรรดาเหล่าเทพที่มาเข้าเฝ้าเห็นเข้า และแสดงความไม่นับถือต่อพระศิวะ

ด้วยเหตุนี้พระศิวะจึงบันดาลโทสะ และประกาศในท้องพระโรงนั้นว่า อวัยวะของพระองค์นี่แหละจักปกป้องคุ้มครองแก่ผู้เคารพบูชา

หากเทพหรือมนุษย์ผู้ต้องการประสบความสำเร็จ และความสุขในชีวิตจะต้องเคารพบูชา ให้กราบไหว้บูชาอวัยวะของพระองค์

มีบางตำนานกล่าวว่า วันหนึ่งเกิดโรคระบาดจนมีผู้คนล้มตายลงเป็นอันมากและเชื่อกันว่าเกิดจากพระอุมา อัครมเหสีของพระศิวะเกิดบันดาลโทสะโดยไม่ทราบสาเหตุ

เหล่าพราหมณ์จึงแก้ด้วยการทำสิ่งบูชาคล้ายอวัยวะเพศชายเพื่อเป็นตัวแทนพระอิศวรและทำให้โรคระบาดหายไปในที่สุด

ตำนานที่เชื่อกันว่าน่าเชื่อถือที่สุดคือตำนานเกี่ยวกับการบูชา ตรีมูรติ มีการบูชาเทพผู้เป็นใหญ่ทั้งสามได้แก่ พระศิวะ พระพรหม พระวิษณุ และเทพทั้งสามได้มาปรากฏกายให้ผู้บูชาได้ชื่นชมพระบารมี

โดยพระพรหมปรากฏเป็น สี่หน้า สี่กร พระวิษณุ เป็นเทพธรรมดา ส่วนพระศิวะปรากฏให้เห็นเฉพาะส่วนที่แสดงให้เห็นว่าเป็นเพศชาย หลักจากนั้นจึงได้มีการสร้างสิ่งเคารพที่แสดงถึงเทพทั้งสามตามที่ปรากฏให้เห็น

ในประเทศไทยไม่ปรากฏแน่ชัดว่าเริ่มมีมาในสมัยใด และมีความแแตกต่างจากศิวลึงค์ของชาวฮินดู เนื่องจากปลัดขิกที่คนไทยนำมาบูชานั้น ทำขึ้นจากผู้มีวิชาความรู้ด้านไสยศาสตร์ และทำการปลุกเสกเพื่อให้เป็นเครื่องราง ของขลัง

โดยในสมัยโบราณคนไทยนิยมห้อยปลัดขิกไว้กับเอว หรือห้อยคอสำหรับเด็กผู้ชาย ซึ่งการทำเช่นนี้เพราะมีความเชื่อว่าหากมีปลัดขิกติดตัวจะช่วยป้องกันอันตรายต่างๆได้

หรือบางคนนำมาบูชาไว้กับสถานประกอบการค้าขายเพราะเชื่อว่าจะทำให้ค้าขาย มีกำไรมีคนอุดหนุนกิจการมากขึ้น

-ความเชื่อในปัจจุบัน-

ปลัดขิกในปัจจุบันนอกจากทำขึ้นโดยผู้มีความรู้ด้านไสยศาสตร์แล้ว ยังพบว่าถูกสร้างโดยพระภิกษุ และได้รับความนิยมมาก อาจเพราะมีความเชื่อทางด้านพุทธคุณประกอบกัน

หรือ บางครั้งถูกสร้างโดยผู้มีความศรัทธาในพระภิกษุนั้นแล้วทำการแกะสลักปลัดขิกจากนั้นจึงนำไปให้พระภิกษุที่ตนเองนับถือทำการปลุกเสก

นอกจากนี้ปลัดขิกยังถูกมองว่าเป็นงานศิลปะอย่างหนึ่ง เพราะมีการแกะสลักเป็นรูปลิง หรือรูปร่างหญิงเปลือยกาย ซึ่งล้วนแต่มีความเชื่อผสมอยู่เสมอ เช่น

ลิงอาจหมายถึงความคล่องแคล่ว หญิง หมายถึง มีเสน่ห์ หรือทำขึ้นเพื่อให้ชาวต่างชาตินำไปเป็นของสะสม

ขอบคุณที่มา:https://www.facebook.com/Bookcafeoriginal/photos/pcb.986807908148717/986807871482054/?type=3&theater
อ้างอิงข้อมูลจาก - th.wikipedia.org
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
warrior B's profile


โพสท์โดย: warrior B
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
12 VOTES (4/5 จาก 3 คน)
VOTED: vho
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อำเภอในประเทศไทย ที่มีตำบลน้อยที่สุดเพียง 1 ตำบลแร่โลหะที่หายากที่สุด และมีราคาขายแพงมากที่สุดในโลกเลิกเหล้ากะทันหันกินอะไรแทนได้ข่าว แผ่นดินไหวแรง 5.4 ริกเตอร์ ห่างจากภูเก็ตแค่ 366 กม. คนไทยควรกังวลไหม?3 จังหวัดในประเทศไทย ที่ไม่มีพื้นที่ป่าไม้หลงเหลืออยู่เลยแค่กิน “ผักใบเขียวเข้ม” ทุกวัน สามารถช่วยให้สมองเราดูอ่อนเยาว์ลงได้ถึง 11 ปี!เที่ยวเขาสวนกวาง ครั้งแรกในชีวิต"โมโมะ" สาวคัพ E ตั้งแต่ 9 ขวบจับแล้ว!มือยิงหนุ่มใหญ่ดับกลางดึก สารภาพถูกท่อนไม้ทุบตี ชักปืนจ่อยิงหลังทะลุหน้าอกดับ
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อยากกินทุเรียนให้อร่อยต้องรู้ ทุเรียนแก่หรืออ่อนดูอย่างไรพื้นที่เขตเดียวของกรุงเทพมหานคร ที่มีอาณาเขตติดกับชายฝั่งทะเล
ตั้งกระทู้ใหม่