แจ้ง 3 ข้อหา คุณลุงขับสองแถว - ส่วนจยย.คู่กรณี ที่เฉี่ยวเด็ก ม.3 จนร่างถูกทับดับ โดนกระทงเดียว
#ซวยไปลุง
ตำรวจบุรีรัมย์แจ้ง3ข้อหาหนักลุงสองแถวทับนักเรียนม.3 ส่วนมอเตอรไซค์ต้นเหตุโดนกระทงเดียว
ตำรวจเจ้าของคดีรถสองแถวทับนักเรียน ม.3 แจ้งข้อกล่าวหาทั้งรถสองแถว และรถจักรยานยนต์ต้นเหตุออกมาจากซอยเฉี่ยวเด็กเสียหลัก ขณะลุงคนขับรถสองแถวบอกไม่รู้ว่ารถชนเด็ก ยืนยันขับมาไม่ไว
วันนี้ 7 มี.ค.ความคืบหน้า กรณีนายสุรัตน์ นิจิรัมย์ นักเรียนชาย ม.3 โรงเรียนภัทรบพิตร จ.บุรีรัมย์ ขับ จักรยานยนต์จะไปสอบปลายภาค ระหว่างทางเกิดเฉี่ยวชนกับ เกิดไปเฉี่ยวกับรถจักรยานยนต์ ของหนุ่มวัย 23 ที่ขับออกมาจากทางซอย
แล้วเสียหลักล้มทั้งคู่ นักเรียนชายเคราะห์ร้ายกระเด็นตกจากรถ ถูกสองแถวโดยสารเหยียบซ้ำดับคาที่ จนกระทั่งมีการเผยภาพจากกล้องวงจรปิดขณะเกิดเหตุทำให้โลกออนไลน์ต่างแชร์ภาพเป็นจำนวนมาก เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ผ่านมา บนถนนสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย บริเวณปากทางเข้าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
โดยล่าสุด พ.ต.ท.ไชยา แก้วยก สารวัตร(สอบสวน)สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้เรียกตัวนายพลาย นวนประโคน อายุ 63 ปี คนขับรถสองแถว มาสอบสวนเพิ่มเติมโดยนายพลายให้การรับสารภาพ ตำรวจตั้งขอหา “กระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย,ขับขี่รถโดยประมาทหรือน่าหวาดเสียวอันอาจเกิดอันตรายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น,ขับขี่รถในทางก่อให้เกิดความหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น หยุดให้ความช่วยเหลือตามสมควร และไม่แสดงตัวและแจ้งเหตุต่อเจ้าหน้าเจ้าพนักงานที่ใกล้เคียงในทันที”
นอกจากนี้ยังแจ้งข้อกล่าวหากับนายสุทธิชัย สมจิตร อายุ 23 ปี คนขับรถจักรยานยนต์ออกจากถนนซอย แล้วไปเฉี่ยวกับรถจักรยานยนต์ผู้เสียชีวิต ตามภาพจากกล้องวงจรปิดในข้อหา”ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย”โดยนายสุทธิชัย ก็ให้การรับสารภาพ แต่ก่อนนี้ให้การว่า ตนนั้นได้ขับขี่มาถึงทางแยก แล้วได้มีรถของนักเรียนขี่เข้ามาเกี่ยวที่แฮนด์รถของตน จนทำให้เสียหลักล้มทั้งคู่ จึงทำให้ตนนั้นได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ทางนักเรียนคู่กรณีนั้น ร่างได้กระเด็นออกไปบนถนน จึงทำให้ถูกรถสองแถวที่ขับตามหลังมาเหยียบซ้ำ จนเสียชีวิตคาที่
พ.ต.ท.ไชยา แก้วยก กล่าวว่า คดีนี้ไม่ซับซ้อน เพราะมีหลักฐานสำคัญคือภาพจากกล้องวงจรปิด ซึ่งจะเห็นภาพของรถที่เกี่ยวข้องทุกคัน ทั้งนี้ตำรวจพร้อมให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
ด้านนายพลาย นวนประโคน คนขับรถสองแถว ได้ออกมาระบุว่า วันเกิดเหตุตนเองขับมาด้วยความเร็วประมาณ 40 กม.ต่อชั่วโมงเท่านั้น ช่วงเกิดเหตุเห็นเพียงรถเสียหลัก แล้วได้ยินเสียงดังนิดเดียว ไม่คิดว่ารถตัวเองจะเหยียบเด็ก จึงขับรถส่งผู้โดยสารตามปกติ ก่อนตำรวจจะตามไปที่สถานีขนส่ง จึงทราบเรื่อง
สำหรับศพของนายสุรัตน์ นิจิรัมย์ นักเรียนชั้น ม.3 พ่อแม่ ได้ทำการฌาปนกิจศพภายในวันนี้(7 มี.ค.)โดยมีผู้ถูกกล่าวหาทั้งสองคนได้เดินทางไปร่วมงานศพ
#บิ๊กเกรียน
เพจเฟซบุ๊กกฏหมาย 4D ระบุเกี่ยวการร้องค่าสินไหมทดของคดีนี้ระบุว่า..
การตั้งข้อหาของพนักงานสอบสวนซึ่ง แจ้งข้อกล่าวหาต่อ #คนขับรถสองแถวว่ากระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย #จึงไม่ต้องด้วยทฤษฎีความรับผิดในทางอาญา
.. ซึ่งจะมีผลต่อการใช้สิทธิ์ขอเป็นโจทก์ร่วมกับพนักงานอัยการของพ่อแม่ของน้องนักเรียน ม .3 กล่าวคือหากผู้บุพการีเป็นโจทก์ร่วมในคดีอาญากรณีที่ลูกของตนถึงแก่ความตาย ก็สามารถเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนเอาจากหนุ่มวัย 23 ซึ่งขี่รถตัดหน้าได้เท่านั้น สำหรับคนขับรถสองแถวไม่ได้มีส่วนร่วมในความประมาท จนเป็นเหตุให้ลูกของตนถึงแก่ความตาย จึงไม่ต้องรับผิดร่วมด้วย และข้อหาความผิดตามกฎหมายจราจรรัฐเท่านั้นเป็นผู้เสียหาย พ่อกับแม่ของน้อง ม.3 ไม่สามารถเข้าร่วมเป็นโจทก์กับพนักงานอัยการในข้อหานี้ได้









