กินยาไวอากร้าเกินขนาดหวังออกศึก สุดท้ายหัวใจวายคาเตียง ญาติร้องไห้ระงม...ขนาดคนตายไปแล้วแต่ยายังคงออกฤทธิ์อยู่
ในเฟซบุ๊ก วรณัน สาระศาลิน โพสต์ข้อความพร้อมคลิประบุว่า...
#ตาอั่มอู่ทองขอเตือน!!!กินยาไวอาก้าเกินขนาดหวังออกศึก #อาจทำให้หัวใจวายตายได้คาเตียงได้
ไวอาก้าจีนแรงจริงๆขนาดคนตายไปแล้วแต่ยายังคงออกฤทธิ์อยู่ #แข็งโปกเลย
เป็นเรื่องธรรมดามากสำหรับท่านชายที่อายุมากขึ้น ทำให้ต้องหายาบำรุงมาไว้สำหรับบำรุงร่างกาย ซึ่งโดยทั่วไปแล้วความสมบูรณ์ของร่างกายของเรานั้น ขึ้นอยู่กับต้นทุนการดูแลรักษาร่างกายของเรา เพราะฉะนั้นร่างกายของคนเรานั้นนั้น จะมีความสมบูรณ์ที่แตกต่างกัน ซึ่งบางคนนั้นอายุเพียง 35+ ก็มีร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง จึงทำให้จะต้องหายาบำรุงร่างกาย โดยเฉพาะในเรื่องการมีเพศสัมพันธ์ หากคุณนั้นมีร่างกายที่ไม่สมบูรณ์พอ ประสิทธิภาพในการรักร่วมเพศนั้นก็จะถดถอยลงอย่างมาก ซึ่งบางคนนั้นจำเป็นต้องใช้ยาเข้าช่วย แต่ส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ยาผิดประเภท และก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพของตนเองเป็นส่วนใหญ่
ไวอากร้าเป็นอีกหนึ่งยาที่หลายๆคนเลือกใช้ ไวอากร้าเป็นชื่อที่เรียกเพียงเครื่องหมายการค้า แต่อันที่จริงแล้วมีชื่อทางยาว่า Sildenafil (ซิลเดนาฟิล) ซึ่งยาชนิดนี้ออกฤทธิ์โดยกักเลือดที่ไหลไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ช่วยคงสภาพการขยายตัวของหลอดเลือดในอวัยวะเพศชาย ให้ขยายตัวอยู่ได้นานเพียงพอสำหรับการร่วมเพศ ทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวนานขึ้น จึงทำให้ผู้ชายสามารถเสร็จภารกิจได้รักร่วมเพศได้ในระยะเวลาที่เหมาะสม
คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่า ไวอากร้า เป็นยาที่ควรรับประทานก่อนมีเพศสัมพันธ์ เพราะจะช่วยให้ปลุกอารมณ์ทางเพศ แต่อันที่จริงแล้ว ไวอากร้าจะเหมาะสำหรับคนที่มีอารมณ์ทางเพศมากกว่า แต่ที่กินไปเพราะมีอวัยวะเพศนั้นแข็งตัวได้แปบเดียว การกินไวอากร้าไปเพื่อที่จะให้อวัยวะเพศแข็งตัวนานขึ้นต่างหาก การใช้ยาควรอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์ ขนาดยาที่ใช้ในการรักษาคือ 25-100 มิลลิกรัม รับประทาน 1 ชั่วโมงก่อนมีเพศสัมพันธ์ และหลังอาหารอย่างน้อย 2 ชั่วโมง อาการข้างเคียงที่อาจพบได้คือ ปวดศีรษะ, หน้าแดง, ร้อนวูบวาบ, คลื่นไส้, ตาพร่ามัว หรือมองเห็นแสงสีฟ้าสีเขียว หรือ อวัยวะเพศแข็งตัวนานเกินไป ห้ามใช้ยา Viagra® ร่วมกับ ยารักษาโรคหัวใจกลุ่มไนเตรต เช่น Isordil (ไอซอร์ดิล) Nitroglycerin (ไนโตรกลีเซอรีน) เนื่องจากจะเสริมฤทธิ์กัน ทำให้ความดันเลือดลดต่ำลงมาก จนอาจช็อคและเสียชีวิตได้
http://m.tnews.co.th/contents/jt/463077














