สยอง! สื่อนอกตีข่าว "หมาแทะกินศพเจ้าของ" หลังตายคาบ้านพักพัทยาหลายวัน คาดนอนเฝ้าศพจนหิวโซ
สำนักข่าวเดอะซันรายงาน ข่าวจากพัทยาระบุว่า ตำรวจพบคราบเลือดและซากศพชายชาวต่างชาย ที่คาดว่านานจะเสียชีวิตมาแล้ว7-10 วัน ข้างๆศพ ยังพบสุนัขนอนอยู่ข้างๆ และพบว่าปากของสุนัขมีคราบเลือดด้วย คาดว่ามันแทะกินศพเจ้านายเนื่องจากหิวโซ เพราะเจ้าของมันเสียชีวิตไปหลายวันและไม่มีใครให้อาหารมัน
ตามรายงานระบุว่า ตำรวจพบศพ นายเกลนน์ แพตตินสัน วัย 62 ปี เมื่อวันที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา และมีสุนัขสีดำชื่อ "คูโจ" วัย 5 ปี ของเขานอนเฝ้าอยู่ข้างๆศพ โดยสุนัขตัวโปรดได้กัดแทะศพของเขาด้วย
เดอะซันรายงานเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้รับแจ้งเหตุจากเพื่อนบ้าน ของนายเกลนน์ หลังจากสุนัขที่เขาเลี้ยงไว้เห่าไม่ยอมหยุด จนผิดสังเกตประกอบกับไม่เห็นนายเกลนน์ จูงสุนัขที่เลี้ยงไว้ออกมาเดินเล่นหลายวันแล้ว
เมื่อเจ้าหน้าที่กู้ภัยมาถึงบ้านพักของนายเกลนน์ ทุกคนต่างก็ช็อกกับภาพที่อยู่ตรงหน้า โดยพบว่านายเกลนน์ได้กลายเป็นศพไปแล้ว และสภาพศพเปลือยเปล่าเริ่มเน่า คาดว่าน่าจะเสียชีวิตไป7-10วัน อีกทั้งยังถูกเจ้า "คูโจ" สุนัขที่เลี้ยงไว้ ที่มีอาการหิวโซ มันได้แทะศีรษะเจ้าของจนแผลเปิดถึงกะโหลก อีกทั้งแทะตรงกระดูกซี่โครงจนเป็นแผลเหวอะหวะน่าสยดสยองอีกด้วย
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ ไม่พบร่องรอยการต่อสู้หรือการรื้อค้นในบ้าน คาดว่าขณะเสียชีวิตผู้ตายคงอยู่ที่บ้านคนเดียวและมีเพียงสนุขที่เลี้ยงไว้เท่านั้น”
จากการสอบถามเพื่อนบ้านระบุว่า “ผู้ตายอาศัยอยู่ที่นี่มาราวๆ 3 ปีแล้ว เขาเป็นคนอัธยาศัยดีและรักหมาของเขามากๆ โดยปกติกิจวัตรประจำวันเขาจะพาหมาออกเดินเล่นในช่วงค่ำๆของทุกวัน ” และเขาพักอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียว แต่บางครั้งก็จะมีเพื่อนผู้หญิงมาที่บ้านบ้าง ดูแล้วเขาเป็นคนที่มีความสุขดี”
อย่างไรก็ตาม แพทย์ผู้รักษาเขาเปิดเผยว่า เมื่อสองสัปดาห์ก่อน นายเกลนน์เพิ่งเข้ารับการรักษาตัวที่รพ. และได้รับอนุญาตให้กลับบ้าน จากการตรวจสอบให้ห้องที่เข้าเสียชีวิตก็พบว่ามียารักษาโรคเบาหวานอยู่
ทั้งนี้จากการชันสูตรศพ พบร่องรอยจากการถูกสุนัขกัดแทะที่ใบหน้าและซี่โครง ซึ่งคาดว่าแผลนี้เกิดจากสุนัขกัดแทะศพเนื่องจากหิวโหย ในช่วงที่เฝ้าศพเจ้าของไม่ไม่ยอมหนีไปไหน และเกิดความหิวโหยจึงต้องกินศพเจ้านายมันเองจนเกิดแผลดังกล่าว
อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ได้นำศพส่งสถาบันนิติเวช โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อผ่าพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง และติดต่อสถานทูตเพื่อประสานให้ญาติมารับศพทำพิธีทางศาสนาต่อไป













