"หยุดบอกว่าคนข้ามเพศ " เป็นโรคจิตที่ต้องรักษา "WHO" ยกระดับการข้ามเพศไม่ใช่อาการบกพร่องทางจิต
"หยุดบอกว่า กะเทย สาวประเภทสอง ผู้หญิง ชายข้ามเพศ" เป็นโรคจิตที่ต้องรักษา เมื่อ "สาวประเภทสอง ยุค 2018" ได้รับความสุขแบบยกระดับ จาก องค์การอนามัยโลก ( WHO ) เป็นภาวะ "ความไม่สอดคล้องทางเพศ" รอแค่การรับรองจากประเทศสมาชิก ขณะที่ สิตางศ หนึ่งในโมเดลไทยที่โลกเฝ้าดู
MED HUB NEWS - หลังจาก องค์การอนามัยโลก ( WHO ) ได้ประกาศให้โรคติดเกม ( Gaming Disorder ) เป็นอาการทางสุขภาพจิตชนิดหนึ่งที่ต้องได้รับการรักษาทางการแพทย์
ขณะที่อีกด้านหนึ่งในมุมมืดของสังคมไทย เอกสารของ WHO ชื่อว่า ICD-11 ฉบับปรับปรุงปี 2018 ที่ครอบคลุมโรค บาดแผลและกลุ่มอาการกว่า 55,000 ชนิด ยกเลิกการจัดประเภทให้การข้ามเพศ ( Transgenderism ) เป็นอาการของความบกพร่องทางจิตชนิดหนึ่ง
และให้จัดอยู่ในหมวดหมู่ของเงื่อนไขหรือคุณสมบัติที่เกี่ยวโยงอยู่กับสุขภาพทางเพศแทน โดยเรียกว่า ความไม่สอดคล้องทางเพศ ( Gender Incongruence ) สภากาชาดไทย ยืนยันเอกสารของ WHO ชื่อว่า ICD-11 ฉบับปรับปรุงปี 2018
เอกสารฉบับนี้จะต้องได้รับการรับรองจากสมาชิกสมัชชาสุขภาพโลกที่จะจัดประชุมขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2019 ที่กรุงเจนีวา หากได้รับการรับรองจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม ปี 2022 เป็นต้นไป
ระหว่างนี้ หนึ่งในโมเดลที่ ทางองค์การอนามัยโลก (WHO) เฝ้าดูห่าง คือ สาวประเภทสองสุดมั่นนามว่า " สิตางศุ์ บัวทอง" หรือที่รู้จักกันในฉายา "สิตางศุ์ สายสะบัด" นั่นเอง
สำหรับฉายานี้มีที่มาจากตัวเธอนั้นชอบอัดคลิปวิดีโอสายฮา เต้น โชว์สะบัดผม มาแนวเซ็กซี่ขี้เล่น แถมพกพาความมั่นใจเกินร้อยมาแบบเต็มเหนี่ยว ยอดวิวพุ่งกระฉูด ซึ่งตอนนี้เธอยังโกอินเตอร์ ฮอตถึงขนาดที่กำลังเป็นที่พูดถึงและโด่งดังมากที่เมืองจีน
ล่าสุด medhubnews.com เว็บไซต์สุขภาพ สาธารณสุข การท่องเที่ยว วาไรตี้ และ เพจ sasook รายงานว่า สิตางศุ์ บัวทอง ถ่ายมิวสิควิดีโอครั้งแรกของดีไซต์เนอร์คนดังอย่าง ป๋อง ซีเบท ที่ล่าสุดได้มาเป็น 1 ใน 4 พระเอกเอ็มวีของเน็ตไอดอลอย่าง สิตางค์ เจ้าของวลีเด็ด สะบัดต่อไม่รอแล้วนะ
ที่งานนี้ทั้งคู่ได้มาเจอกันครั้งแรกในเพลง i want to say ของสาวแพทตี้ เขมิกา งานนี้ออนแอร์เมื่อไหร่ ต้องดัง ปัง แน่นอน
สำหรับ สิตางศุ์ บัวทอง ประวัติเธอไม่ธรรมดา เธอเป็นคนกรุงเทพฯ เป็นคนฝั่งธนฯ เรียนจบจากโรงเรียนทวีธาภิเศก จากนั้นก็มาต่อนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ซึ่งในตอนแรกตนอยากเป็นดีไซเนอร์
พื้นเพครอบครัวตนเป็นคนจีน แน่นอนว่าเขารับไม่ได้อยู่แล้วที่ตนเป็นสาวประเภทสอง ขนาดตนเป็นคนมีพรสรรค์เรื่องเสื้อผ้าเขายังไม่ให้ทำเลย ซึ่งคนที่เลี้ยงตนมาตั้งแต่เด็กบอกว่าตนไม่ใส่รองเท้าแตะ ร้องจะใส่รองเท้าส้นสูง ใส่กระโปรงมาตั้งแต่อายุ 1 ขวบ
"เกิดมา ก็บอร์น ทู บี ตั้งแต่ยังจำความไม่ได้ ทุก ๆ คนในบ้านรู้หมดว่าตนเป็นอะไรแต่ไม่มีใครพูดถึง ทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตนมาแต่งหญิงเต็มตัวตอนที่คุณแม่เสียไปแล้ว นอกจากนี้ตนยังเคยแต่งนิยายวายส่งตีพิมพ์อีกด้วย"
หลังจากที่คุณแม่เสียตนก็ไม่ได้ทำงานแบบจริง ๆ จัง ๆ แต่จะรับจ๊อบเล็ก ๆ น้อย ๆ คือแปลภาษาอังกฤษให้กับคนที่เรียนปริญญาโท สรุปงานวิจัย เพราะตนเป็นคนเขียนหนังสือแล้วจะใช้ภาษาสวย แปลภาษาอังกฤษได้
ส่วนเรื่องความรักมีครั้งหนึ่งที่ตนรักมากถึงขนาดเปย์ให้เป็นแสน ลักษณะคือให้เรื่อย ๆ แล้วรวม ๆ กันก็เยอะ ซึ่งเขาไม่เคยขอแต่ตนทุ่มให้เอง
แต่สุดท้ายก็จบกันไป ตอนนั้นอกหักถึงขนาดไม่ยอมออกจากห้องเลยนานนับปี ทีนี้เพื่อน ๆ สายบุญเยอะเลยบอกให้ตนลองไปนั่งสมาธิ ตนเลยไปแล้วรู้สึกว่ามันดี ยังมีเรื่องดี ๆ อยู่เยอะแยะ
หลายคนก็มองว่ามีอายุแล้วไม่ควรถ่ายภาพอะไรที่มันแนวเซ็กซี่ออกสู่สาธารณะ ซึ่งตรงนี้เธอมองว่าไม่อยากให้มองคนที่อายุ แต่มองคนที่ความรู้สึก แก่แล้วไม่ใช่ว่าจะต้องมานั่งเป็นอีแก่ขี้บ่นคอยดูลูกหลาน
เธอมองว่า การแต่งเสื้อผ้าโป๊มันไม่ใช่เรื่องที่ผิดจารีต เธออยากให้เห็นว่าอายุมากแล้วแต่ยังสามารถรักษาหุ่นได้ขนาดนี้
ระหว่างนี้ เราต้งรอลุ้นว่า ที่ประชุมสมาชิกสมัชชาสุขภาพโลกที่จะจัดประชุมขึ้นในเดือนพฤษภาคมปี 2019 ที่กรุงเจนีวา จะมีมติว่าอย่างไรบ้าง ?












