ฆาตกรรมพิศวาส ชนวนสู่การประท้วงฮ่องกง
การ #ประท้วง กฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดนของ #ฮ่องกง ที่มีผู้ร่วมชุมนุมหลายแสนคน โดยอ้างว่ากฎหมายนี้จะเปิดช่องให้ส่งผู้ที่มีความเห็นต่างทาง #การเมือง ไปให้ #จีนแผ่นดินใหญ่ดำเนินคดี แต่ความจริงแล้วที่มาของกฎหมายฉบับนี้ไม่ได้มาจากรัฐบาลจีน แต่เกิดจากคดี #ฆาตกรรม สะเทือนขวัญคดีหนึ่ง
เดือนกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว เกิดคดีสะเทือนขวัญที่สั่นสะเทือนฮ่องกงและ #ไต้หวัน เมื่อหนุ่มชาวฮ่องกงรายหนึ่งสังหารแฟนสาว ในขณะที่ทั้งคู่ไปท่องเที่ยวด้วยกันที่ไต้หวันอย่างเหี้ยมโหด นำศพไปทิ้งและหนีกลับฮ่องกง
คดีนี้ทำให้ทางการไต้หวันร้องขอให้ฮ่องกงส่งตัวฆาตกรหนุ่มมาดำเนินคดีที่ไต้หวัน แต่ฝั่งฮ่องกงปฏิเสธโดยอ้างว่าไม่มีข้อตกลง #ส่งผู้ร้ายข้ามแดน ระหว่างกัน หลังจากนั้น รัฐบาลฮ่องกงจึงเสนอแก้ไขกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลจีนไม่ได้เป็นผู้ริเริ่ม เป็นเพียงผู้รับประโยชน์หนึ่ง แต่กลับกลายเป็น “จำเลยหลัก” ในการประท้วงทางการเมือง
คู่รักชาวฮ่องกงวัยกระเตาะ 20 ปี ฝ่ายชายคือ เฉิน ถงเจีย และฝ่ายหญิงคือ พาน เสียวอิ่ง หรือ แอมเบอร์ รู้จักกันจากการทำงานพาร์ทไทม์ด้วยกัน และได้ตกลงเป็นแฟนกันหลังจากคบหากันเพียงแค่ 1 เดือน ทั้งคู่ไปเที่ยวไต้หวันด้วยกันในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว แต่ในวันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายเฉินได้เดินทางกลับฮ่องกงเพียงลำพัง โดยไร้วี่แววของแฟนสาว
ครอบครัวของฝ่ายหญิงพบว่า ลูกสาวขาดการติดต่อไปนานถึง 3 สัปดาห์ จึงได้แจ้งความกับตำรวจของฮ่องกง พร้อมสงสัยว่านายเฉิน แฟนหนุ่มอาจเกี่ยวกับข้องเหตุร้ายครั้งนี้ ครอบครัวของฝ่ายหญิงยังเดินทางไปไต้หวันเพื่อตามหาลูกสาว
ทางโรงแรมได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด และพบว่าเช้าตรู่วันที่ 17 กุมภาพันธ์ นายเฉินได้ลากกระเป๋าเดินทางสีชมพูออกจากโรงแรมไปเพียงลำพัง หลังจากนั้น ตำรวจฮ่องกงและไต้หวันได้ทำคดีร่วมกันและพบว่า นายเฉินนำบัตร ATM ของแฟนสาวไปกดเงินถึง 3 ครั้งพร้อมนำกล้องถ่ายรูปและไอโฟนของแฟนสาวไปขาย จึงได้จับกุมตัวมาสอบสวน
เฉิน ถงเจีย สารภาพว่า ในระหว่างท่องเที่ยวที่ไต้หวันกับแฟนสาว ได้รู้ว่าแฟนสาวตั้งท้องได้ 5 สัปดาห์ และเขาเชื่อว่าเด็กในท้องเป็นลูกของแฟนเก่าของฝ่ายหญิง ไม่ใช่ของเขา ทั้งคู่มีปากเสียงกัน เขาจึงบันดาลโทสะบีบคอแฟนสาวจนตาย จากนั้นนำศพของแฟนสาวยัดใส่กระเป๋าเดินทาง นำไปทิ้งที่ป่าหญ้านอกกรุงไทเป และจึงหนีกลับไปฮ่องกง
ตำรวจไต้หวันได้ออกค้นหาตามคำสารภาพของนายเฉิน และพบกระเป๋าเดินทางที่ซ่อนศพ แต่เนื่องจากเวลาผ่านไปกว่าหนึ่งเดือน สภาพศพเน่าเฟะจนเหลือแต่กระดูก แต่ผลการพิสูจน์ DNA ยืนยันว่าเป็นพาน เสียวอิ่ง และเธอกำลังตั้งครรถ์จริง เป็นหนึ่งฆาตกรรม ปลิดชีพสองชีวิต
ครอบครัวของฝ่ายหญิงเรียกร้องความเป็นธรรมให้ลูกสาว โดยขอให้ทางการไต้หวันร้องขอให้ทางการฮ่องกง ส่งตัวนายเฉินมาดำเนินคดีที่ไต้หวันที่เกิดเหตุ แต่ฝ่ายฮ่องกงระบุว่า ไต้หวันและฮ่องกงไม่มีข้อตกลงส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน จึงไม่อาจส่งตัวให้ได้
ฝ่ายไต้หวันจึงทำได้เพียงแค่ออกหมายจับนายเฉินยาวนานถึง 37 ปี 6 เดือน แต่จะจับได้ก็ต่อเมื่อนายเฉินเข้ามาในไต้หวันเท่านั้น ขณะที่คดีไม่ได้เกิดที่ฮ่องกง ตำรวจฮ่องกงจึงทำได้เพียงตั้งข้อหายักยอกทรัพย์ และฟอกเงินกับนายเฉิน และศาลฮ่องกงมีคำพิพากษาจำคุกนายเฉิน 29 เดือน
ผลการคดีฆาตกรรมโหดนี้ ทางการฮ่องกงได้เสนอแก้ไขกฎหมายส่งผู้ร้ายข้ามแดน ให้สามารถส่งผู้ต้องหาไปดำเนินคดีในประเทศและดินแดนที่ไม่มีข้อตกลงกันได้ โดยอยู่ในดุลพินิจของศาลฮ่องกง แต่แน่นอนว่า กฎหมายไม่อาจใช้บังคับเฉพาะไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่พลอยได้รับผลไปด้วย ซึ่งรัฐบาลจีนก็ "ยืมดาบ" เพราะเล็งเห็นว่ากฎหมายนี้จะช่วยให้ทางการจีน สามารถจับตัวผู้กระทำผิดและข้าราชการทุจริตที่หนีไปยังฮ่องกงได้ด้วย
อย่างไรก็ตาม อีกด้านหนึ่งของกฎหมายก็ย่อมเป็นโอกาสให้รัฐบาลจีนขอให้ฮ่องกง ส่งตัวผู้ต้องหาในคดีการเมือง มาดำเนินคดีในแผ่นดินใหญ่ได้ด้วย ประชาชนชาวฮ่องกงจึงมองว่า นี่จะเป็นช่องทางให้ผู้ที่คิดเห็นต่างทางการเมืองถูกส่งตัวไปพิพากษาโดยศาลของรัฐบาลคอมมิวนิสต์จีน
การประท้วงที่ฮ่องกงครั้งนี้จึงเป็นความ #ย้อนแย้ง อย่างที่สุด เพราะต้นเรื่องเกิดจากฆาตกรรม “พิษสวาท” แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นประเด็นการเมือง และรัฐบาลจีนที่ไม่ได้เป็นฝ่ายริเริ่มตั้งแต่ต้น กลับกลายเป็นเป้าหมายการโจมตี เสมือนหนึ่งเป็นฆาตกรมือเปื้อนเลือด.
https://www.facebook.com/TheDongFangBubai/photos/a.541063909609692/821136898269057/?type=3&theater

















