เว็บไซต์ฟ็อกซ์นิวส์ รายงานว่า หนุ่ม ออสติน แม็กกี ต้องพบเจอกับการเจ็บป่วยครั้งใหญ่ที่น่าปวดหัวไม่น้อย ซึ่งต้องใช้เวลานานในการรักษา โดยเขาถูกลูกงูหางกระดิ่งกัดนิ้ว แต่ก็ปล่อยปละละเลยไม่สนใจ จนเกิดการอักเสบ นิ้วกลายเป็นสีม่วง และบวมมาก โป่งพองจนดูเหมือนกับมะเขือม่วง
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม โดยออสตินได้ก้มลงเก็บเหล็กบนพื้น แล้วอยู่ดีๆ ก็รู้สึกเหมือนถูกตัวอะไรบางอย่างทิ่มเข้าที่นิ้วชี้ข้างซ้าย ตอนนั้นเขาคิดว่าคงโดนแมลงกัดต่อย เพราะเขาได้ยินเสียงเบาๆ หึ่งๆ บางอย่าง แต่เสียงไม่ดังมาก และไม่คิดอะไรมาก เพราะถ้าเป็นแมลงกัดต่อย มันก็ไม่น่าเป็นเรื่องร้ายแรงอะไร แต่เขาคิดผิด
หลังจากเวลาผ่านไป ออสตินก็รู้สึกปวดแสบร้อนบริเวณที่คิดว่าโดน “แมลง” กัดต่อย อีกทั้งสภาพนิ้วก็แย่ลง และ 24 ชั่วโมงหลังจากนั้น มันก็บวมเป็นสีม่วง และยิ่งบวมมากขึ้นเรื่อย
ดาลตัน ดอร์ริส เพื่อนสนิทของออสติน ได้โพสต์แชร์ประสบการณ์เจ็บปวดของเพื่อนลงบนเฟซบุ๊ก เล่าว่า เขาเชื่อว่าผู้ร้ายในคดีนี้น่าจะเป็นลูกงูหางกระดิ่งทิมเบอร์ ซึ่งพุ่งมากัดออสตินเข้าตอนที่เขาไม่ทันได้สังเกต ซึ่งหลังจากผ่านไป 7 วัน หมอก็ได้เจาะเอาเลือดออกจากนิ้วที่บวมเป่งของออสติน และมันไม่ได้จบแต่เพียงแค่นั้น
ปรากฏว่าพิษงูหางกระดิ่งได้กินลึกลงไปใต้ผิวหนัง ทำให้เนื้อกลายเป็นสีดำ หมอต้องเลาะเอาหนังบริเวณรอบๆ ออก ต้องใช้ผ้าก๊อซหุ้มรอบนิ้วเอาไว้ตลอดเวลา และต้องเข้าไปให้หมอดูอาการทุกๆ 2 วัน ซึ่งกว่าที่นิ้วจะกลับมาเป็นปกติ ก็ต้องใช้เวลาฟื้นตัวนานถึง 6-8 เดือน
ข่าววันนี้
