เคียวสุเกะ คุริตะ หนุ่มวัย 17 "ความเหงาทำให้ฉันฆ่าแม่"
วันที่ 15 พฤษภาคม 2007 เคียวสุเกะ คุริตะ ( 17 ) นั่งแท๊กซี่มาจอดหน้าโรงพักไอสึ คาวามัตสึ ในจังหวัดฟุกุชิมะ แล้วขึ้นไปบนโรงพักพร้อมกระเป๋านักเรียนสีดำ เขาส่งกระเป๋าให้กับตำรวจผู้หญิงคนหนึ่ง พร้อมกับบอกเธอว่า " ผมฆ่าแม่ของผม "
ทันทีที่ตำรวจหญิงเปิดดูในกระเป๋า เธอก็เป็นลมล้มพับไปทันที เพราะสิ่งที่อยู่ในนั้นคือ หัวของผู้หญิง !!!
เคียวสุเกะ เติบโตมาในครอบครัวที่ดี บ้านเกิดของเขาอยู่ที่คาเนยามะ มันเป็นเมืองที่เงียบสงบ ผู้คนมีน้ำใจ ธรรมชาติก็สวยงาม
เขาเป็นพี่ชายคนโต และมีน้องชาย - หญิง อย่างละ 1 คน เพราะแม่เป็นผู้หญิงที่สดใสและจิตใจดี เธอจึงเลี้ยงลูกๆ ด้วยความรักและความทุ่มเท เด็กๆ ทั้ง 3 เติบโตมาอย่างสดใสและมีความสุข เพื่อนบ้านเล่าว่า ไม่ว่าจะตอนที่ปั่นจักรยานไปโรงเรียน หรือแม้แต่ตอนที่เดินเล่น ตอนที่เจอกันในตลาด ที่ห้องสมุด หรือที่ไหนก็ตาม เด็กๆ จะทักทายทุกคนด้วยรอยยิ้มเสมอๆ
ตั้งแต่เล็ก เคียวสุเกะมีผลการเรียนดีมาตลอดสมกับที่เป็นที่คาดหวังของทุกๆคนในฐานะพี่ชายคนโต และเขายังเป็นนักกีฬาของโรงเรียนเขาชอบเล่นเบสบอล แถมยังเล่นสกีได้สุดยอด เก่ง ฉลาด อ่อนโยน มีมรรยาท เขาจึงเป็นที่รักของทุกๆคน
หลังจากจบมัธยมต้นที่บ้านเกิด เคียวสุเกะสอบเข้าโรงเรียนเตรียมอุดมชั้นนำของเมืองที่มีแต่เด็กฉลาดๆเรียนกัน ตอนนั้นเขาต้องย้ายจากบ้านนอกมาอยู่ในเมืองไอสึ คาวามัตสึ เพราะไม่อยากเสียเวลาเดินทาง และจะได้เรียนอย่างเต็มที่ พ่อกับแม่เคียวสุเกะเช่าอพาร์ทเม้นท์สองชั้นราคาแพงในย่านเงียบสงบของเมืองให้เขาอยู่
และที่นี่เองที่ทำให้เด็กชายค่อยๆ กลายเป็นปีศาจ . .
เขาต้องอาศัยอยู่ที่อพาร์ทเม้นท์เพียงลำพัง เพื่อเรียนชั้น ม.4 บ้านหลังใหญ่เกินไป และเขาก็อ้างว้างเกินไป เขาจึงขลุกอยู่แต่ในห้องนอนที่ชั้น 2 อย่างน้อยพื้นที่ที่เล็กลง เขาจะได้ไม่รู้สึกถึงความโดดเดี่ยวมากนัก แม่แวะมาหาเขาบ่อยๆ หลังจากเลิกงาน แม่ของเคียวสุเกะทำงานเป็นครูผู้ช่วยที่โรงเรียนอนุบาลใกล้ๆ กับโรงเรียนของเขา
ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว เปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนโรงเรียน เปลี่ยนสภาพแวดล้อม การเรียนที่หนักขึ้น ชีวิตเคียวสุเกะพลิกผันไปมากมาย อาจเป็นเพราะเด็กส่วนใหญ่ที่สอบเข้าที่นี้ล้วนเป็นเด็กเมืองอยู่แล้ว แต่ตัวเขาเหมือนมาจากที่ไกลๆ เขาจึงรู้สึกว่าตัวเองเข้าไม่ถึงทุกคน ทั้งคิดถึงเพื่อน คิดถึงครอบครัว คิดถึงบ้านเกิด ทำให้สภาพจิตใจเขาเริ่มแย่โดยไม่รู้ตัว แต่ความมุ่งมั่นที่จะจบโรงเรียนดีๆ ด้วยเกรดดีๆทำให้เขาเพิกเฉยและทำเหมือนไม่มีอะไร
ที่โรงเรียน เขานั่งเรียนเงียบๆ เพียงคนเดียว เหมือนว่าเขาได้แยกตัวออกมาจากโลกของทุกคน แต่เด็กก็คือเด็ก ถึงจะทำเป็นเย็นชา และไม่สนใจใคร แต่ลึกๆในใจเขาเหงาและโหยหาเป็นที่สุด แต่เพราะหน้ากากเย็นชาที่เขาเลือกสวมมาตั้งแต่แรกทำให้เขาต้องเก็บกดทุกสิ่งลงไป
พอขึ้น ม.5 น้องชายคนรองก็ย้ายมาอยู่กับเขาด้วยเพราะต้องมาเรียนต่อ ม.4 น้องเรียนคนละโรงเรียนกับเขา ถึงจะเป็นน้องชายแต่นิสัยก็ต่างกันมาก น้องปรับตัวได้เร็วและหาเพื่อนได้ง่ายดาย อาจเป็นเพราะพอไม่ต้องฝืนตัวเองที่จะต้องเรียนให้เก่งที่สุด ทำเกรดให้ดีที่สุด ก็เลยมีความผ่อนคลายมากกว่า สิ่งที่น้องสนใจไม่ใช่แค่เรื่องเรียนอย่างเดียว ทำให้โลกของน้องสดใสและเปิดกว้างกว่า
จากการที่เคียวสุเกะบอกตัวเองมาตลอด 1 ปีว่า ให้อดทน ถ้าน้องมาอยู่ด้วยเขาคงเหงาน้อยลง แต่ไม่เลย น้องก็มีโลกของน้อง ทุกวันจะออกไปเรียนเลิกเรียนก็แวะไปที่นั่นที่นี่กับเพื่อน วันหยุดก็ออกไปเที่ยวกับเพื่อน 2 พี่น้องเจอหน้ากันน้อยมาก ถึงแม้บางครั้งน้องจะพาเพื่อนมาบ้านแต่ก็พาไปอยู่แต่ในห้องนอนที่ชั้น 1 เพราะคิดว่าไม่อยากส่งเสียงดังรบกวนพี่ชายที่อาจจะอ่านหนังสือเรียนอยู่ สำหรับเคียวสุเกะเขารู้สึกเหมือนสิ่งที่น้องชายทำมันเหมือนการค่อยๆ ก่อกำแพงเพื่อกันเขาออกไป
เคียวสุเกะเริ่มตระหนักถึงความจริงว่า " โลกของเขามันโดดเดี่ยว " หลังจากนั้นภายในใจก็เริ่มปะทุ สิ่งที่เก็บกดไว้เริ่มค่อยๆ เปลี่ยนแปลงเขาไปโดยไม่รู้ตัว
เคียวสุเกะเริ่มปล่อยผมให้ยาวขึ้น เล็บเองก็เช่นกัน การเรียนของเขาตก จะเรียนเก่งไปทำไมยังไงก็ไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว สำหรับเพื่อนๆ เขาก็เหมือนมนุษย์ล่องหนที่ทุกคนมองไม่เห็น เขาเก็บตัวมากขึ้น ขาดเรียนบ่อย ๆ
แม่มาหาเขาบ่อยขึ้น แต่เคียวสุเกะไม่ใช่เด็กชายที่ต้องการแต่แม่เหมือนตอนเด็กๆ อีกแล้ว เขาแทบไม่คุยกับแม่ แม่ถามอะไรเขาก็เอาแต่เงียบ จนในที่สุดก็เหมือนกับว่าแม่แค่แวะมาทำความสะอาดบ้าน ทำอาหาร ซักผ้า แล้วก็ไป
ช่วง ม. 5 เทอมปลายเขาแทบไม่ไปโรงเรียนเลย เขาเก็บตัวอยู่แต่ในห้อง เล่นอินเตอร์เนต ฟังเพลงแนวลัทธิซานตาน เริ่มทำอะไรแปลกๆ
พอขึ้น ม.6 เคียวสุเกะก็ไม่ไปโรงเรียนอีกเลย
วันนั้นวันเกิดแม่ หลังจากเลิกงานแม่ก็รีบมาหาเคียวสุเกะเพื่อทำอาหารกินกัน บนโต๊ะน้องชายยังคงร่าเริงและพูดคุยกับแม่อย่างสนุกสนาน ส่วนเคียวสุเกะนั่งกินเงียบๆ แล้วก็ลุกไปทันทีหลังกินเสร็จ น้องชายขอออกไปหาเพื่อน แม่จึงเก็บล้างและทำความสะอาดบ้าน รวมถึงซักผ้าให้เขา พอทำอะไรเสร็จก็ขึ้นนอน
แม่นอนห้องเดียวกับเคียวสุเกะที่ชั้น 2 ส่วนน้องนอนคนเดียวที่ชั้น 1 แม่หลับไปตอน 2 ทุ่มกว่าๆ หลังจากแม่หลับ เคียวสุเกะลงไปที่ห้องครัวและหยิบมีดทำครัวจากนั้นก็มายืนอยู่หน้าเตียง และมองดูแม่ที่กำลังหลับ
พอ 3 ทุ่ม เขาก็ใช้มีดแทงแม่ที่กำลังหลับ แม่ตกใจตื่นขึ้นมาเธอทั้งกรีดร้องและพยายามต่อสู้กับเขา เธอร้องบอกให้เขาหยุด นั่นยิ่งกระตุ้นให้เขาลงมือกับเธอมากขึ้น มีดคมๆ บาดไปที่แขนที่ตัวของแม่เต็มไปหมดเพราะพยายามขัดขืน แต่ในที่สุดแม่ก็ไม่สามารถปกป้องชีวิตตัวเองไว้ได้
แม่คงไม่เคยคิดว่าจะต้องมาถูกลูกชายที่รักที่สุดฆ่าตายในวันเกิดของตัวเอง เธอที่อยู่บนสวรรค์คงกำลังร้องไห้
หลังจากฆ่าแม่แล้ว เคียวสุเกะเอาเลื่อยที่เตรียมไว้มาหั่นคอแม่ หลังจากนั้นก็หั่นแขนขวาตรงหัวไหล่ พอตัดแขนหลุด เขาก็เอาสีสเปรย์สีขาวฉีดที่แขนแม่ และตัดตรงข้อมือไปปลูกในกระถางดอกไม้ เขาตัดแขนซ้ายต่อแต่ไม่ทันเสร็จน้องชายก็กลับเข้าบ้านมาเขาจึงเลิกทำและทิ้งไว้อย่างนั้น
ร่างของแม่นอนแขนขาดอยู่ข้างกระถางต้นไม้ที่มีมือยื่นออกมาเป็นดอกไม้ แขนขวาวางอยู่ข้างลำตัว ส่วนแขนซ้ายยังตัดไม่ขาด เขาเอาหัวแม่ใส่กระเป๋านักเรียน และเปลี่ยนชุดเปื้อนเลือดออก จากนั้นก็ออกไปข้างนอกเพราะในห้องเลอะเทอะเกินไป
เขาตรงไปที่อินเตอร์เน็ตคาเฟ่และเช่าห้องที่นั่น เขาร้องเพลง ฟังเพลง เล่นเน็ต ฯลฯ ทำทุกอย่างโดยมีหัวแม่วางอยู่ข้างๆ เลือดจากหัวที่โดนตัดของแม่ซึมออกจากกระเป๋าสีดำจนเลอะที่นั่งแต่เขาไม่สนใจ
ทั้งก่อนที่จะฆ่า และ หลังฆ่าแม่ เขาโพสต์เล่าเรื่องนี้ลงในโซเชียลฯ แต่ตอนนั้นไม่มีใครคิดว่าเป็นเรื่องจริง
" ฆ่าแม่ดีไหมนะ "
" ฉันตัดคอแม่ "
" ตัดแขนด้วยดีไหม "
" ตัดทั้งซ้ายทั้งขวาเลยดีไหม อิอิ "
ฯลฯ
มีคอมเม้นต์บอกว่า ถึงนี่จะเป็นเรื่องล้อเล่น แต่ตำรวจจะไปหานายแน่นอน เขาตอบว่าตำรวจเหรอ ไม่ต้องมาหรอก เดี๋ยวฉันไปหาเอง นายรอดูได้เลย
และใช่ เขาทำแบบนั้นจริงๆ เขาออกจากอินเตอร์เน็ตคาเฟ่และไปถึงโรงพักตอน 7 โมงเช้าพอดี ตอนที่หิ้วกระเป๋าใส่หัวแม่ลงมา บนเบาะรถแท๊กซี่ยังมีรอยเลือดติดอยู่เลย จากนั้นเขาก็เดินขึ้นไปหาตำรวจบนโรงพักและพูดช้าๆ ชัดๆ ว่า " ผมฆ่าแม่ของผม " เขาสารภาพพร้อมหลักฐานที่ยื่นให้เจ้าหน้าที่
ซึ่งก็คือ " หัวของแม่ "
ตำรวจไปที่ห้องของเขา ในห้องมีแต่เลือดกลิ่นคาวคลุ้งไปหมด ร่างของแม่ที่ถูกแทงเหวอะหวะนอนไร้หัวอยู่ข้างๆ กระถางดอกไม้มือ มีดทำครัวและเลื่อยวางอยู่ใกล้ๆกัน มีกองเสื้อผ้าเปื้อนเลือด บนเพดานมีเชือกห้อยลงมาพร้อมตะขอ ที่เขาเล่าว่า " ตอนแรกตั้งใจจะจับแม่แขวนไว้ให้เลือดจากศพค่อยๆ หยดลงมา แต่ยกศพไปแขวนไม่ไหวเพราะพอตายแล้วก็ยกลำบากขึ้น ศพคนนี้หนักจริงๆ "
ตอนที่ถูกถามว่าทำไมถึงฆ่าแม่ เขาก็บอกว่า " แค่อยากฆ่าคน อยากลองฆ่าหั่นศพดู จะเป็นใครก็ได้ ที่จริงคิดว่าจะฆ่าน้อง ก็เลยออกไปซื้อเลื่อยมาเตรียมไว้ แต่แม่มาหาแล้วก็มานอนที่ห้องพอดี ก็เลยคิดว่าฆ่าแม่แทนก็ได้ "
" ไม่ได้เกลียด หรือโกรธ แค่อยากจะฆ่าคน "
พอข่าวออกไป ทางโรงเรียนที่เขาเรียนก็ประกาศปิดเรียน พอหลังจากเปิดก็มีนักจิตวิทยาเข้ามาคุยกับบรรดานักเรียนและผู้ปกครอง เด็กบางคนก็ช็อคกับข่าวจนไม่กล้าไปเรียน
เพื่อนบ้านหรือคนที่รู้จักพวกเขาสองคนแม่ลูก ต่างก็เสียใจและไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องนี้ขึ้น
อาจารย์และเพื่อนๆ จากโรงเรียนเก่า แทบไม่เชื่อว่านี่คือเรื่องที่เคียวสุเกะทำจริงๆ เคียวสุเกะที่พวกเขาเคยรู้จักเป็นคนที่สุดยอด ใครจะคิดว่าจะลงเอยแบบนี้
สิ่งที่เคียวสุเกะทำนั่นช็อคความรู้สึกของคนในสังคมอย่างมาก คนเราจะสามารถฆ่าใครก็ได้เพียงเพราะอยากลองฆ่า อยากลองหั่นศพแบบนี้นะเหรอ และที่สำคัญคือฆ่าแม่ของตัวเองนะ
สิ่งที่เขาทำว่าช็อคแล้ว แต่คำตัดสินนั้นชวนงง งวยกว่า เพราะว่าเป็นเด็กอายุ 17 และถึงจะฆ่าแม่ แต่ก็เป็นการฆาตกรรมที่มีคนตายเพียงคนเดียว ศาลจึงพิณาว่า ที่เขาก่อเหตุเป็นเพราะสภาพจิตใจไม่ปกติ การไม่เป็นที่ยอมรับ ความเหงา ความโดดเดี่ยว ความสูญเสียตัวตนทำให้เป็นบ้า สำหรับเยาวชนศาลไม่คิดว่าการลงโทษคือสิ่งที่ถูกที่ควร จึงตัดสินให้เขาได้รับการบำบัดเยียวยาแบบไม่มีกำหนดจนกว่าจะดีขึ้น หลังจากนั้นถึงส่งตัวคืนสู่สังคม
แก่นแท้จากจิตใจที่นักจิตวิทยาชาวญี่ปุ่นประเมินก็คือ ลึกๆในใจเคียวสุเกะโทษว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเขาเป็นความผิดของแม่ ทั้งการที่ต้องมาเรียนไกลๆ หรือต้องตั้งใจเรียนให้ได้เกรดดีๆ เหมือนกับแม่เป็นคนส่งเขามาให้เจอชีวิตแบบนี้
ลึกๆในใจเขาจึงทั้งรักทั้งโกรธแม่
หลายคนบอกว่าที่เขาทำเพราะเสพพวกบทเพลงซาตานมาก ทั้งดูหนังฆาตกรรม ดูมังงะโหดๆ หลายสิ่งหลายอย่างหล่อหลอมจนเขาบิดเบี้ยว กับคำพูดที่ว่า ถ้ากล้าฆ่าแล้วกล้ายอมรับว่าทำ " ก็จะมีคนยอมรับในตัวเขา "
สิ่งหนึ่งก็คือ เขาเหงาและต้องการการยอมรับ ต้องการสังคม ไม่ว่าสังคมนั้นจะเป็นสังคมไหนถ้าเปิดประตูอ้าแขนให้เขา เขาก็พร้อมทำทุกอย่างให้ได้เป็นส่วนหนึ่งของสังคมนั่น และการฆ่าแม่จะทำให้เขาเป็นที่ยอมรับ จะทำให้ทุกคนหันมามอง แค่มีคนสนใจบ้าง สำหรับเคียวสุเกะ เขาถือว่านี่เป็นเรื่องน่ายินดี
ญี่ปุ่นเคยมีคำกล่าวที่ว่า " คุณเป็นคนเลี้ยงปีศาจ " ซึ่งก็หมายความว่าถ้าคุณเลี้ยงลูกไม่ดี ลูกก็อาจจะกลายเป็นปีศาจ
อ้างอิงจาก: https://www.facebook.com/SakuraInDaDark/photos/a.116574026548463/261012195437978/






















