2021 LGBTไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศ!!
ลำดับเหตุการณ์ "ทำไม LGBTIQA+ ต้องเบี่ยงเบนทางเพศ”
.
1. เบี่ยงเบนทางเพศ คืออะไร ? ทำไมต้องเบี่ยงเบน ?
.
สมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (APA) นิยาม “ความเบี่ยงเบนทางเพศ” ในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต ฉบับที่ 4 (DSM-4) ว่าเป็น พฤติกรรมทางเพศ หรือมีความรู้สึกทางเพศที่ผิดจากบุคคลทั่วไปในการทำให้เกิดแรงกระตุ้นทางเพศ
.
สมัยหนึ่ง รักร่วมเพศ รักสองเพศ ลักเพศ (Transvestite) และการสับสนทางเพศในวัยเด็ก เคยถูกจัดเป็นพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ อันเป็นความผิดปกติทางจิตกลุ่มหนึ่ง แต่ภายหลังหน่วยงานระดับชาติ และนานาชาติที่เชี่ยวชาญและมีภารกิจเกี่ยวกับสุขภาพจิตโดยตรง ได้ศึกษามากพอ และรับรองว่ากลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศดังกล่าว มิได้มีความผิดปกติทางจิต พฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศที่ทางการแพทย์ยอมรับในปัจจุบันจึงเหลือเพียง การถ้ำมอง การอวดอวัยวะเพศ การใคร่เด็ก ซาโด-มาโซคิสม์ และการมีเพศสัมพันธ์กับสิ่งใด ๆ ที่ไม่ใช่มนุษย์
.
อย่างไรก็ดี คำว่า รักร่วมเพศ รักสองเพศ และลักเพศ ยังคงปรากฎในแบบเรียนเพศวิถีศึกษา ในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) พร้อมระบุว่าพฤติกรรมดังกล่าว เป็นปัญหาทางเพศ พร้อมแนะนำวัยรุ่นให้เข้าใจธรรมชาติว่า เมื่อเกิดเป็นเพศชายหรือหญิงแล้ว ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ ควรภาคภูมิใจในเพศของตน พร้อมเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ซึ่งแบบเรียนดังกล่าวตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ในปี 2562 และยังมีวางขายอยู่ในปัจจุบัน คาดว่ายังคงมีการเรียนการสอนโดยใช้แบบเรียนนี้อยู่ในบางสถานศึกษา
ในขณะเดียวกัน ตำราเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 (12 ชั้นเรียน) ได้กล่าวถึง ความหลากหลายทางเพศในทุกมิติ ว่าไม่ได้มีความผิดปกติทางจิต และเบี่ยงเบนทางเพศแต่อย่างใด โดยได้มีการบรรจุปรับปรุงแก้ไขใน 8 สำนักพิมพ์ทั่วประเทศ และได้ตัดคำว่า รักร่วมเพศ รักสองเพศ และลักเพศ ออกจากตำราเรียนแล้ว และสร้างความเข้าใจในเรื่องความหลากหลายทางเพศว่าเป็นสิ่งที่ไม่ได้ผิดปกติแต่อย่างใด
.
2. ชีวิต LGBTIQA+ เปลี่ยน เพราะ เบี่ยงเบนทางเพศ
.
พ.ศ. 2451 ประเทศไทยประกาศใช้กฎหมายลักษณะอาญา ร.ศ. 127 ขึ้น โดยมีมาตรา 242 อันส่งผลต่อการร่วมเพศของคนเพศเดียวกัน ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดทำชำเรา ผิดธรรมดามนุษย์ ด้วยชายก็ดี หญิงก็ดี หรือทำชำเราด้วยสัตว์เดียรฉานก็ดี ท่านว่ามันมีความผิด ต้องรวางโทษจำคุกตั้งแต่สามเดือนขึ้นไปจนถึงสามปี แลให้ปรับตั้งแต่ห้าสิบบาทขึ้นไป จนถึงห้าร้อยบาท ด้วยอีกโสดหนึ่ง"
.
ต่อมา พ.ศ. 2499 คณะกรรมการร่างประมวลกฏหมาย ยกเลิกฐานความผิดมาตรา 242 เนื่องจากไม่ค่อยพบการเกิดคดีฐานดังกล่าว
.
ในปัจจุบันและอนาคตอันใกล้ แม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีกฏหมายลักษณะ Sodomy เช่นนี้แล้ว แต่การยึดติดความรู้ทางการแพทย์ด้าน LGBTIQA+ เก่า ๆ และส่งต่อความเชื่อไม่อัปเดทผ่านระบบการศึกษา ก็ทำให้ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศถูกกีดกัน ตีตรา เลือกปฏิบัติ จนใช้ชีวิตได้ยากกว่าคนกลุ่มอื่น
.
3. ลำดับเหตุการณ์ " ไม่เบี่ยงเบนทางเพศ "
.
พ.ศ. 2491 องค์การอนามัยโลก (WHO) จัดทำบัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศแก้ไขฉบับที่ 6 (ICD-6) เพื่อให้ข้อมูลโรค และแนวทางการป้องกันแก่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขทั่วโลก โดยบรรจุรักร่วมเพศ เป็นความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรม โดยให้เหตุผลว่าเป็นพฤติกรรมที่สะท้อนถึงความผิดปกติทางบุคลิกภาพ
.
พ.ศ. 2495 APA บรรจุรักร่วมเพศในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต ฉบับที่ 1 (DSM-1) เนื่องจาก ขัดกับพัฒนาการเจริญเติบโตด้านเพศของมนุษย์ตามแนวคิดชายจริง-หญิงแท้ และยังก่อให้เกิดพฤติกรรมที่เบี่ยงเบนไปจากปกติ
.
พ.ศ. 2504 นายแพทย์สุด แสงวิเชียร ตีพิมพ์ผลการศึกษา "การรักษาร่างกายและฮอร์โมนของลักเพศ" โดยเสนอให้เรียก คนข้ามเพศ ว่าลักเพศ เนื่องจาก แอบนำพฤติกรรมทางเพศของเพศกำเนิดตรงข้ามมาใช้ ใจความการศึกษาเสนอว่า จากการตรวจเยื่อบุในช่องปาก และอสุจิของลักเพศ ไม่พบความผิดปกติทางกาย ลักเพศจึงเป็นความผิดปกติทางจิต
.
พ.ศ. 2504 นายแพทย์อรุณ ภาคสุวรรณ เผยแพร่ผลการศึกษาว่า ลักเพศ คือ ลักเพศกลุ่มหนึ่ง สามารถรักษาหายได้หากเพิ่งเป็นไม่นาน
.
พ.ศ. 2508 นายแพทย์สุด แสงวิเชียร ตีพิมพ์ผลการศึกษา "วิจัยกะเทย แก้ปัญหารักร่วมเพศ ระบุอาการป่วยทางจิต" ในหนังสือพิมพ์สยามนิกร ใจความว่า รักร่วมเพศ รักษายาก แต่รักษาได้
.
พ.ศ. 2516 APA รับรองว่าการรักเพศเดียวกันไม่ใช่อาการป่วยทางจิต ด้วยการถอดรักเพศเดียวกันออกจากคู่มือ DSM-3 เนื่องจากพบว่าพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน ไม่แตกต่างกับคนรักต่างเพศ
.
พ.ศ. 2533 ICD-10 ของ WHO รับรองการรักเพศเดียวกัน และการรักสองเพศ เป็นรสนิยมทางเพศ ไม่ถือเป็นความผิดปกติทางจิต พร้อมถอดรักร่วมเพศ และรักสองเพศออกจากกลุ่มความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรม
.
พ.ศ. 2545 กรมสุขภาพจิต ออกหนังสือ สธ 0605/375 ลงวันที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2545 เรื่อง รับรองทางวิชาการ ว่าผู้รักเพศเดียวกันไม่ใช่ผู้มีความผิดปกติทางจิต หรือป่วยเป็นโรคแต่อย่างใด (ตามที่กลุ่ม อัญจารี องค์กรเพื่อปกป้องสิทธิคนรักเพศเดียวกัน ขอให้พิจารณา)
พ.ศ. 2561 ICD-11 ของ WHO รับรองคนข้ามเพศ (Transgenderism) โดยเปลี่ยนจากคำว่า ลักเพศ เป็น ความไม่สอดคล้องทางเพศ (Gender incongruence) แทน พร้อมทั้งลบ ลักเพศ ออกจากกลุ่มความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรม ทั้งนี้ บัญชีจำแนกโรคระหว่างประเทศแก้ไขฉบับดังกล่าวจะเริ่มประกาศใช้อย่างเป็นทางการทั่วโลก ในวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2565
.
4. การรับรู้เรื่อง ความเบี่ยงเบนทางเพศ ในโรงเรียน
.
พ.ศ. 2562 แบบเรียนวิชาเพศวิถีศึกษา ในหมวดวิชาสมรรถนะแกนกลาง กลุ่มวิชาสุขศึกษาและพลศึกษา ที่ใช้ในหลักสูตรอาชีวศึกษาของสำนักพิมพ์หนึ่ง ถูกตีพิมพ์ครั้งที่ 2 ในปี 2562 ได้เผยแพร่พระราชบัญญัติความเท่าเทียมระหว่างเพศ พ.ศ. 2558 อันคุ้มครองบุคคลที่แสดงออกต่างจากเพศกำเนิดว่า จะมีใครเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมมิได้ ช่างน่าชื่นใจแทนผู้เคลื่อนไหวด้าน LGBTIQA+ ในระบบการศึกษา แต่กลับพบว่า ในเล่มเดียวกันนี้ ยังระบุว่าพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ ได้แก่ รักร่วมเพศ รักสองเพศ การปฏิเสธเพศ และความสับสนในความเป็นหญิงชาย เป็นปัญหาทางเพศ ซึ่งไม่สอดคล้องกับการเผยแพร่ พ.ร.บ.ความเท่าเทียมกันระหว่างเพศในเล่ม และไม่สอดคล้องกับประกาศของกรมสุขภาพจิต และองค์การอนามัยโลก
.
ภายใต้กรอบบทบาททางเพศที่กรอบขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมของสังคมไทยกำหนดไว้ หนังสือดังกล่าวเสนอให้ทุกคนควรภูมิใจกับเพศตนเองที่เปลี่ยนแปลงจากที่เกิดมาไม่ได้ และควรเห็นอกเห็นใจเพื่อนที่มีพฤติกรรมเบี่ยงเบนทางเพศ (แม้ว่าเจ้าตัว - ผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศจะไม่เข้าใจว่า จะมาสงสารเจ้าตัวทำไมก็ตามที) หากสร้างการรับรู้แบบนี้ต่อไป อีกร้อยปีเฟซบุ๊กก็จะยังมีแต่การเหยียดผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศ และการโจมตีคนแปลกหน้า ผู้เห็นต่าง และคนเชื่อในการเมืองสำนักตรงข้ามด้วยเรื่องเพศภาพเหมือนในอดีตและปัจจุบันอยู่ดี จนไม่สามารถก้าวข้ามไปถกกันที่ข้อมูล
.
5. ความหลากหลายทางเพศ มิใช่เบี่ยงเบนทางเพศ
.
ขอบคุณข้อมูล













