น้ำนมแม่ คือ อาหาร ที่ดีและวิเศษสุด เป็นอาหาร แห่งความรักความผูกพันธ์จากแม่สู่ลูก น้ำนมแม่ สร้างความเจริญเติบโตด้านร่างกายของลูก และยังช่วยพัฒนาจิตใจของแม่และลูกได้อย่างดี ผู้เป็นแม่สามารถสร้างความ ฉลาดให้ลูกได้ ด้วยการให้ลูกกินนมแม่ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่เป็นตัวช่วยสำคัญ ที่ทำให้สมองลูกเจริญเติบโตดียิ่งขึ้นไปอีก ด้วยเหตุผลดังนี้
1. นมแม่มีสารไขมันที่จำเพาะสำหรับสมองทารกแรกเกิดในระยะ 6 เดือนแรก ร่างกายยังสร้างน้ำย่อยไขมันไม่ได้เต็มที่ นมแม่ก็มีน้ำย่อยไขมันมาด้วย ดังนั้นสารไขมันในนมแม่จึงถูกนำไปใช้สร้างสมองลูกได้อย่างเต็มที่ ต่างจากไขมันที่โฆษณาในนมผสม
2. นมแม่มีสารอาหารอื่นๆ กว่า 200 ชนิด ที่จะช่วยเสริมการพัฒนาสมองและจอประสาทตา
3. เด็กกินนมแม่สมองดี ตาเห็นได้ดี ช่วยส่งเสริม พัฒนาการมากขึ้น
4. ขณะที่ลูกกินนมแม่ ลูกจะอยู่ในอ้อมกอดของแม่ วันละอย่างน้อย 7-8 ครั้ง
5. การอุ้มลูก เป็นการช่วยกระตุ้นประสาทสัมผัส ทำให้เซลล์สมองมีการโยงใยมากขึ้น ยิ่งโยงใยมาก สมองก็ยิ่งฉลาดมาก ถ้าสัมผัสน้อย การโยงใยก็น้อยกว่า สมองส่วนนั้นก็จะฝ่อไปในที่สุด
ดังนั้น 6 เดือนแรก ลูกควรกินนมแม่อย่างเดียว ไม่ควรดื่มน้ำหรืออาหารเสริมอื่นๆ เนื่องจาก
1. ระยะ 6 เดือนแรก สมองลูกเติบโตเร็วมาก นมแม่เหมาะกับสมองที่โตเร็ว
2. ระยะ 6 เดือนแรก ทางเดินอาหารลูกยังย่อยอาหารอื่นได้ไม่ดี นมแม่ย่อยง่ายที่สุด
3. ระยะ 6 เดือนแรก ลูกยังสร้างภูมิคุ้มกัน ได้ไม่ดี นมแม่มีภูมิคุ้มกันมาด้วย
4. ระยะ 6 เดือนแรก กระเพาะอาหารมีขนาดเล็กนิดเดียว ยืดหยุ่นได้ไม่มาก ถ้าได้อาหารอื่น นอกจากจะไปแย่งพื้นที่ในกระเพาะอาหารแล้ว อาหารเหล่านี้มีสารอาหารสู้นมแม่ไม่ได้
การให้ลูกกินอาหารอื่นด้วย จะทำให้ลูกมีโอกาสเจ็บป่วยบ่อยกว่า เพราะมีโอกาสจะรับเชื้อโรคที่ปนมากับอาหารเหล่านั้นได้มาก รวมทั้งมีโอกาสแพ้โปรตีน ที่มากับนมผสมหรืออาหารอื่นด้วย และอาหารอื่นเหล่านี้ รวมถึงน้ำด้วย นอกจากจะไปแย่งที่ แทนนมแม่แล้ว ยังทำให้ลูกอิ่ม และดูดนมแม่น้อยลง และแม่ก็จะสร้างน้ำนมได้น้อยลง นมแม่ก็จะหมดไปในที่สุด
คุณประโยชน์ของนมแม่ Colostrum นมแม่ดีอย่างไร ?
1. ภูมิคุ้มกันจากแม่ถึงลูก นมแม่มีภูมิคุ้มกัน มีเซลล์คอยดักจับเชื้อโรค สารย่อยสลายเชื้อโรค สารต่อต้านการติดเชื้อต่างๆ นอกจากนี้ ในนมแม่มีสารภูมิคุ้มกันที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้ระบบทางเดินอาหารและทางเดินหายใจ ช่วยกำจัดเชื้อโรค มีวิตามินเอและสารเร่งการเจริญเติบโต ของเยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายลูกน้อย ได้ยากขึ้น ภูมิคุ้มกันเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทารกเพราะลูกวัยนี้ เนื่องจากยังสร้างภูมิคุ้มกันได้ไม่ดี
2. ลูกแข็งแรง ไม่ป่วยบ่อย นมแม่ระยะ 1 สัปดาห์แรกเป็นยอดน้ำนม เรียกว่า โคลอสตรัม หรือหัวน้ำนม เป็นน้ำนมที่มีภูมิคุ้มกันสูงสุด คุณแม่ควรให้ลูกได้กินหัวน้ำนมนี้ แม้ว่าตอนหลังจะไม่ต้องการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ก็ตาม เด็กที่กินนมแม่จะมีโอกาสเจ็บป่วยน้อยกว่าเด็กที่กินนมผสม ประมาณ 2-7 เท่า และลดโอกาสเกิดโรคลำไส้อักเสบในเด็กแรกเกิดถึง 20 เท่า ส่วนโรคอื่นๆ ก็ลดโอกาสเกิดได้ 2-5.5 เท่า
3. ลดภูมิแพ้ ช่วง 6 เดือนแรกของชีวิต การทำงาน ของส่วนต่างๆ ยังไม่เท่าผู้ใหญ่ เยื่อบุลำไส้ยังไม่แข็งแรง น้ำย่อยอาหารยังไม่เพียงพอที่จะย่อยอาหารเหล่านี้ สารช่วยย่อยหรือสารภูมิคุ้มกันยังทำงานไม่เต็มที่ ถ้าให้ลูกกินอาหารอื่น เช่น นมผง ข้าว กล้วย ลูกก็ยังย่อยได้ไม่ดี นำไปสู่การแพ้ได้
4. อารมณ์ดี อีคิวเพียบ การเลี้ยงลูกด้วยนมแม่ นอกจากลูกฉลาดแล้ว ลูกอารมณ์ดี เลี้ยงง่าย การให้ลูกกินนมแม่ ทำให้แม่ได้โอบกอด สัมผัสระหว่างแม่และลูก ทำให้ลูกเกิดความอบอุ่น
จากผลการวิจัยเพื่อศึกษาความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กที่เลี้ยงด้วยนมแม่โดย ดร.วีณา จีระแพทย์ และคณะ พบว่า เด็กกลุ่มที่เลี้ยงด้วยนมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน มีคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์โดยรวมและรายด้าน (ด้านดี เก่ง และสุข) สูงกว่าคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์ของเด็กกลุ่มที่เลี้ยงด้วยนมแม่ร่วมกับนมผสม และของกลุ่มเด็กที่เลี้ยงด้วยนมผสมร่วมกับอาหารเสริมอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และยังพบว่าระยะเวลาของการเลี้ยงลูกด้วยนมแม่อย่างเดียวมีความเกี่ยวข้องกับความฉลาดทางอารมณ์ กล่าวคือ กลุ่มที่ให้นมแม่อย่างเดียวนาน 6 เดือน มีคะแนนเฉลี่ยของความฉลาดทางอารมณ์โดยรวมสูง
กว่าของกลุ่มที่ได้นมแม่อย่างเดียว 4 เดือน และ 1 เดือน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ในแง่ของสารอาหารในนมแม่นั้น จากงาน วิจัยต่างๆ พบว่าหลังจากหนึ่งปีไปแล้ว (12-23 เดือน) ในน้ำนมแม่ปริมาณ 15 ออนซ์ ให้สารอาหารกับทารกในสัดส่วนดังนี้
ในช่วง 2-3 วันแรกหลังคลอด ในนมแม่จะมี น้ำนมเหลือง หรือ ที่เราเรียกว่า Colostrum นั้น มีปริมาณภูมิคุ้มกันสูงมาก จำเป็นอย่างยิ่งที่ทารกแรกคลอดทุกคนจะต้องได้รับน้ำนมนี้ ในช่วง 1-24 เดือนหลังจากนั้น สัดส่วนของภูมิคุ้มกันในน้ำนมจะเปลี่ยนแปลงไปตามระยะเวลา บางตัวลดลง บางตัวเพิ่มขึ้น แต่ไม่ได้หายหรือหมดไปเลย
ทารกในวัยหกเดือน ระบบการย่อยอาหารของร่างกายเขาเริ่มพัฒนาได้แล้ว สัญญานที่บ่งบอกชัดเจน คือเริ่มมีฟันขึ้น เพื่อใช้ในการบดเคี้ยวอาหารอื่น หลังจากหกเดือนเราจึงค่อยๆ ให้อาหารอื่นเพิ่มขึ้น ตามปริมาณนมแม่ที่เริ่มจะลดลง Dr. Jack Newman จึงแนะนำว่าหลังหกเดือนไปแล้ว ถ้าปริมาณนมแม่ลดลง ทำยังไงๆ แล้วก็ยังน้อยอยู่ ให้ทารกกินอาหารเสริมปริมาณเพิ่มขึ้นแทน แล้วให้พยายามกินนมแม่ต่อไป ไม่ใช่เสริมด้วยนมผสมนะคะ
ตามธรรมชาติแล้ว ถ้าลูกยังคงดูดนมแม่อย่างต่อเนื่อง น้ำนมแม่ก็จะไม่หมด อาจจะน้อยลงตามระยะเวลา หลังหนึ่งปีไปแล้ว แม่ส่วนใหญ่ก็จะปั๊มนมได้น้อยลง ลูกได้ดูดนมแม่วันละสามสี่ครั้ง ร่วมกับอาหารเสริมที่เหมาะสมก็เพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงไปกินนมผสม