จู๋&จิเหม็นน้ำปลา!!เพราะเหตุใด
คุณเคยใหมที่อวัยเพศคุณบวงครั้งเหม็นหื่นอบบน้ำปลา...เพราะอะไรนะ
มั่นใจอีกอย่างหนึ่งของหนุ่ม ๆ ทั้งหนุ่มใหญ่และวัยหนุ่มแรกรุ่น ในชั่วโมงที่กำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับคนรัก หรือคนที่แอบชอบมานาน อาจมาจากการที่ อวัยวะเพศชายมีกลิ่นเหม็น ทำให้ไม่มั่นใจ หากจะขอให้อีกฝ่ายทำออรัลเซ็กส์ให้
มาดูกันว่าถ้าอวัยวะเพศของคุณมีกลิ่น จะเป็นเพราะสาเหตุใด และมีวิธีแก้ไขอย่างไรได้บ้าง
อวัยวะเพศชายมีกลิ่นเหม็น ได้อย่างไร
ไม่สามารถฟันธงได้ว่าอวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็นนั้นมาจากสาเหตุอะไร เพราะมีหลายปัจจัยที่ทำให้น้องชายของคุณมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ซึ่งอาจมาจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่ง ดังต่อไปนี้
ขี้เปียก (Smegma)
หากอวัยวะเพศชายไม่มีการทำความสะอาดที่มากพอ ก็เสี่ยงที่จะทำให้เกิดขี้เปียก หรือ Smegma ขึ้นมาได้ โดย Smegma คือสารหล่อลื่นธรรมชาติ ที่ช่วยให้อวัยวะเพศมีความชุ่มชื้น มักพบได้ที่ปลายอวัยวะเพศ หรือบริเวณใต้หนังหุ้มปลายอวัยวะเพศของผู้ชาย ซึ่งถ้าหากหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศชายมีขี้เปียกมากขึ้น ก็จะทำให้อวัยวะเพศมีกลิ่น และเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียด้วย
การอักเสบที่ปลายอวัยวะเพศชาย (Balanitis)
การอักเสบที่ปลายอวัยวะของเพศชาย เกิดขึ้นจากการทำความสะอาดอวัยวะเพศไม่เพียงพอจนเกิดเป็นความสกปรก หมักหมม ทำให้มีขี้เปียก จนกระทั่งเป็นแหล่งของเชื้อแบคทีเรีย และทำให้อวัยวะเพศมีการติดเชื้อ นอกจากอักเสบจากการติดเชื้อแล้ว ยังอาจเป็นเพราะปัญหาเกี่ยวกับผิวหนัง เช่น โรคสะเก็ดเงิน หรือการระคายเคืองต่อผิวหนังที่เกิดจากผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกาย หรืออาจมาจากการใช้ถุงยาง ซึ่งอวัยวะเพศที่มีการอักเสบ จะมีลักษณะบวมและแดง ควรไปพบคุณหมอ
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
การรักสนุก มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ป้องกัน เสี่ยงที่จะทำให้คุณเป็นโรคติดต่อจากการมีเพศสัมพันธ์ได้ โรคติดต่อจากการมีเซ็กส์ที่ทำให้อวัยวะเพศมีกลิ่นเหม็น เช่น
- โรคหนองใน โรคหนองในอาจทำให้ปลายอวัยวะเพศชายมีสีเหลือง สีขาว หรือสีเขียว รู้สึกเจ็บปวด และแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ และยังทำให้เกิดการอักเสบที่บริเวณหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศได้อีกด้วย
- หนองในเทียม หนองในเทียมจะทำให้มีคราบหรือน้ำสีขาวขุ่นไหลออกมาเมื่อมีการปัสสาวะ มีอาการเจ็บหรือปวดขณะปัสสาวะ รวมถึงส่งผลให้มีอาการเจ็บปวดที่อัณฑะ
การติดเชื้อรา
กลิ่นเหม็นที่อวัยวะเพศชายของคุณ อาจมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อราที่บริเวณปลายอวัยวะเพศ เพราะทำความสะอาดไม่เพียงพอ หรือมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่มีการติดเชื้อราอยู่แล้ว และเมื่อมีเชื้อราสะสมอยู่เป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้อวัยวะเพศมีกลิ่น รวมถึงมี
- อาการคัน ระคายเคือง
- ปวดแสบปวดร้อน
- มีคราบเมือกสีขาวเป็นก้อน
- ผิวที่อวัยวะเพศชายมีความผิดปกติ หรือมันวาวผิดปกติ
กระเพาะปัสสาวะอักเสบ
เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณกระเพาะปัสสาวะ ท่อปัสสาวะ หรือที่ไต เมื่อมีการติดเชื้อในบริเวณนี้ จะทำให้เวลาที่ปัสสาวะมีอาการปวด และแสบร้อน
วิธีดูแลอวัยวะเพศชายให้สะอาด ไร้กลิ่น
ไม่ว่าผู้ชายหรือผู้หญิง การรักษาความสะอาดร่างกายโดยเฉพาะจุดซ่อนเร้นอย่างอวัยวะเพศนั้น ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะความสกปรกที่อวัยวะเพศ สามารถส่งผลให้มีอาการทางสุขภาพที่ร้ายแรงได้ ทั้งยังเป็นการลดกลิ่นเหม็นที่อาจจะสร้างความไม่มั่นใจให้กับคุณ ทั้งนี้ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่เหมาะสำหรับผิวและจุดซ่อนเร้น เช็ดตัวและเช็ดอวัยวะเพศให้แห้งก่อนสวมใส่เสื้อผ้าเสมอ และสำหรับผู้ชาย สามารถดูแลอวัยวะเพศได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ล้างทำความสะอาดอวัยวะเพศทุกครั้งหลังการมีเพศสัมพันธ์
- เลือกสวมเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ระบายอากาศได้ง่าย และไม่ระคายเคืองผิว
- สวมถุงยางทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ หากคุณมีการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมทางเพศ หากคุณอยู่ในช่วงที่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หรือควรมีการป้องกันหากจะมีเซ็กส์
- ทุกครั้งที่ทำความสะอาดอวัยวะเพศ ต้องไม่ลืมที่จะทำความสะอาดในส่วนของหนังหุ้มปลายอวัยวะเพศด้วย
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
การรักษาสุขอนามัยและความสะอาดของอวัยวะเพศ ช่วยลดโอกาสในการมีกลิ่นไม่พึงประสงค์บริเวณอวัยวะเพศได้ แต่เมื่อใดก็ตาม ที่คุณสังเกตได้ว่า อวัยวะเพศของคุณนั้น
- มีการสะสมของก้อน หรือคราบสีขาวอยู่รอบอวัยวะเพศ
- มีผื่นขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ หรือที่ก้น
- รู้สึกปวดแสบปวดร้อนขณะปัสสาวะ
- มีอาการคัน
- ระคายเคือง
- อวัยวะเพศมีสีแดง และบวม
หากมีอาการดังกล่าว หรือมากกว่าที่กล่าวไปข้างต้น คุณควรหาเวลาไปพบคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสมต่อไป
เรื่องคุณผู้หญิงเคยมีคนถามหมอจิเหม็นน้ำปลา...ว่า
กลิ่นเค็มเหมือนน้ำปลาติดกางเกงใน กลิ่นไม่แรงมาก ต้องดมใกล้ๆกางเกงในถึงได้กลิ่น อ่านเจอมา ส่วนใหญ่บอกว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย แต่ดิฉันไม่มีอาการอย่างอื่นร่วมด้วยเลย ตกขาวปกติ สีใส ลองเชคกลิ่นไม่ได้มาจากตกขาว เพราะตกขาวไม่มีกลิ่นเลยซักนิด ทำความสะอาดดี ไม่หมักหมม ตอนแรกคิดว่าจะมาจากกลิ่นปัสสาวะ แต่ก็ล้างแล้วเช็ดทุกครั้ง บางครั้งยังไม่ทันได้ปัสสาวะ กลิ่นก็ติดกางเกงในจางๆแล้ว ลองใช้คาเนสเทส ที่ตรวจเชื้อแบคทีเรียด้วยตนเองมาใช้ เห็นว่าผลลัพธ์ตรง 99%(อยู่อังกฤษไม่สะดวกไปพบแพทย์) ผลออกมาก็ปกติดี ไม่ได้ติดเชื้ออะไรเลย แล้วยิ่งช่วงประจำเดือนมา กลิ่นจะแรงมากเป็นพิเศษ ไม่ทราบว่าเกิดจากอะไรได้บ้างนอกจากติดเชื้อแบคทีเรีย อายุ 25 ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ ร่างกายแข็งแรงดีค่ะ ขอบคุณล่วงหน้า
การวินิจฉัยที่เป็นไปได้
1.การติดเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอดที่เรียกว่า แบคทีเรียวาไจโนสิส (ฺbacterial vaginosis) มาด้วยตกขาวสีขุ่นหรือเทาเกิดจากความไม่สมดุลของเชื้อแบคทีเรียในช่องคลอด ไม่ใช่โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ น่าจะเป็นไปได้มากที่สุดค่ะ และอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นมากในช่วงที่มีประจำเดือนเพราะสมดุลกรดเบสในช่องคลอดที่เปลี่ยนไป ร่วมกับเลือดประจำเดือนออกมาทำปฏิกิริยากับแบคทีเรีย ทำให้กลิ่นชัดขึ้น และเกิดในผู้ที่ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์ได้
2.การติดเชื้อราในช่องคลอด มักจะมีตกขาวสีขาวจำนวนมากสีข้นคล้ายนมบูด อาจจับตัวเป็นก้อน และคันมากๆร่วมด้วย ฟังจากอาการแล้วยังคิดถึงน้อยค่ะ
3.การติดเชื้อโพรโทซัวในช่องคลอด ชื่อว่าเชื้อทริโคโมนาส (Trichomonas) จะมาด้วยตกขาวสีเขียวมีฟอง แต่เป็นเชื้อที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์จึงคิดถึงน้อยเช่นกัน
การดูแลตัวเองเบื้องต้น
-รักษาความสะอาดของอวัยวะเพศภายนอกด้วยการล้างน้ำเปล่าหรือสบู่อ่อนๆ ไม่สวนล้างช่องคลอด
-สวมใส่กางเกงในที่สะอาด ไม่รัดจนเกินไปจนทำให้อวัยวะเพศชื้น
-ไม่ใช้น้ำหอมบริเวณอวัยวะเพศ
-หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
การรักษา แพทย์จะต้องนำสารคัดหลั่งจากช่องคลอดไปตรวจดูก่อนว่าติดเชื้ออะไรจะได้ให้การรักษาอย่างตรงเชื้อ ถ้าเป็นติดเชื้อแบคทีเรียดังที่กล่าวไปจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานที่ชื่อว่า เมโทรนิดาโซล (metronidazole)
ควรไปพบแพทย์ทันทีเมื่อ คันช่องคลอดมาก มีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย มีเลือดไหลผิดปกติจากช่องคลอด เจ็บตอนปัสสาวะหรือปวดท้องน้อย เพราะเป็นอาการที่แสดงว่าอาจมีการติดเชื้อที่อื่นนอกเหนือไปจากช่องคลอด เช่นติดเชื้อที่อวัยวะภายในอุ้งเชิงกรานร่วมด้วย ทำให้มีผลแทรกซ้อนระยะยาวตามมาได้คือการมีบุตรยาก ต้องรีบไปรักษา
ขอบคุณข้อมูลภาพ

















