อย่าใช้คำว่า "ไบโพลาร์" ในการด่าหรือพาดพิงใคร
เชื่อกันว่าหลายเวลา ด่าทอใคร มักจะใช้โรคร้ายต่างๆ มาด่าฝ่ายตรงข้าม เพื่อด้อยค่าเขา แต่อาจไปด่อยค่าคนเป็นโรคร้ายนั้นๆ อยู่ก็เป็นได้ คนข้างเราอาจสะดุ้งไปด้วย
นำเรื่องราวข่าวเก่า ที่น่าสนใจมาฝาก (แต่ยังใช้กับปัจจุบันได้ดี) เมื่อ เพจ Drama-addict โพสต์ไว้เมื่อ 25 สิงหาคม 2017 กับการนำโรค ไบโพลาร์ มาใช้ด่าทอ กันอย่างไม่เหมาะสม ไม่เข้าใจความจริงของโรค ไม่มีใครอยากเป็นโรคนี้ และต้ององเห็นใจพวกเขา
เรียนคอลัมนิสท์ทุกท่าน ช่วยงดใช้คำว่า ไบโพลาร์ ในการด่าหรือพาดพิงฝ่ายที่ตัวเองต้องการวิพากษ์วิจารณ์ได้แล้วว้อย อย่างบทความนี้ของใบตองแห้งนี่ คนที่ป่วยเป็นโรคนี้เห็นเข้า เขาถึงกับอึ้งเลยนะ
แล้วการที่คุณหยิบคำนี้มาใช้น่ะ รู้เป่านิว่าโรคนี้มันคืออะไร
มันไม่ใช่พฤติกรรมแบบ วันนึงพูดอย่างอีกวันพูดอย่างเหมือนคนดัดจริตอะไรนั่นที่คุณต้องการวิจารณ์พวกขั้วการเมืองนะ
แต่มันคือโรคเกี่ยวกับอารมณ์ผิดปรกติ ที่ทำให้มีอาการอารมณ์ครื้นเครงผิดปรกติ สลับกับช่วงที่มีอาการซึมเศร้าเป็นระยะ และโรคนี้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ก็อาจเป็นหนักถึงขั้นฆ่าตัวตายได้
ยิ่งมีการหยิบชื่อโรคนี้มาเป็นคำด่ามากเท่าไหร่ ผู้ป่วยโรคนี้ ก็จะยิ่งกล้าไปหาหมอน้่อยลงเท่านั้น อยากด่าฝั่งไหนด่าไป ขออย่างเดียว เลิกเอาคำว่าไบโพลาร์ไปใช้ด่ากันได้แล้วเฟ้ยยย
โรคอารมณ์สองขั้ว ( bipolar disorder ตัวย่อ BPD, BD) ที่เคยเรียกว่า manic depression (โรคซึมเศร้าที่มีอาการฟุ้งพล่าน) เป็นความผิดปกติทางจิต (mental disorder) ที่เป็นเหตุให้เกิดคราวซึมเศร้าและคราวอารมณ์ดีผิดปกติ
อารมณ์จะดีอย่างสำคัญโดยเป็นอาการฟุ้งพล่าน/เมเนีย (mania) หรืออาการเกือบฟุ้งพล่าน/ไฮโปเมเนีย (hypomania) อย่างหลังรุนแรงน้อยกว่าและไม่มีอาการโรคจิต ในคราวที่เกิดอาการฟุ้งพล่าน
คนไข้จะแสดงออกและรู้สึกอย่างผิดปกติว่า มีกำลัง มีความสุข หรือหงุดหงิด มักตัดสินใจไม่ดีโดยไม่คำนึงถึงผลที่จะติดตามมา และจำเป็นต้องนอนน้อยลงในคราวซึมเศร้า คนไข้อาจร้องไห้ มองชีวิตในแง่ลบ และไม่สบตากับผู้อื่น
ความเสี่ยงการฆ่าตัวตายของคนไข้จะสูงคือมากกว่า 6% ภายใน 20 ปีและจะทำร้ายตัวเองถึง 30-40% โรคนี้สัมพันธ์อย่างสามัญกับปัญหาสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น โรควิตกกังวล และโรคใช้ยาเสพติด
ปัจจุบันเชื่อว่า สาเหตุของความผิดปกติทางอารมณ์นั้นมีได้หลายสาเหตุ ซึ่งโดยรวม ๆ อาจแบ่งออกได้เป็น
1.ปัจจัยทางชีวภาพ ได้แก่ ความผิดปกติของสารสื่อประสาทในสมอง, ความผิดปกติของระบบฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกาย, ความผิดปกติของการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของสมองที่เกี่ยวกับการควบคุมอารมณ์
2.ปัจจัยทางจิตสังคม เช่น การไม่สามารถปรับตัวเข้ากับความเครียด หรือกับปัญหาต่าง ๆ ภายในชีวิตได้ ก็สามารถกระตุ้นให้เกิดความผิดปกติทางอารมณ์ขึ้นมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางสังคมไม่ใช่สาเหตุของโรค แต่อาจเป็นตัวกระตุ้นให้โรคแสดงอาการได้
3. ปัจจัยทางพันธุศาสตร์ ขณะนี้ เรายังไม่ทราบรูปแบบของการถ่ายทอดผ่านยีนที่ชัดเจนของโรคไบโพลาร์ แต่จากการศึกษาพบว่าสามารถพบโรคนี้ได้บ่อยขึ้นในครอบครัวที่มีผู้ป่วยเป็นโรคมากกว่าในประชากรทั่วไป
โรคอาจทำให้คิดฆ่าตัวตายแล้วนำไปสู่การพยายามฆ่าตัวตาย คนไข้ที่อาการเริ่มด้วยคราวซึมเศร้าหรือคราวอารมณ์ผสมดูจะมีพยากรณ์โรคที่แย่กว่าและเสี่ยงฆ่าตัวตายสูงกว่า
คนไข้ครึ่งหนึ่งพยายามฆ่าตัวตายอย่างน้อยครั้งหนึ่งในช่วงชีวิต และหลายคนทำได้สำเร็จ อัตราการฆ่าตัวตายต่อปีโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 0.4% ซึ่งมากกว่ากลุ่มประชากรทั่วไป 10-20 เท่า
อัตราส่วนการตายปรับเข้ามาตรฐาน (standardized mortality ratio)เพราะฆ่าตัวตายในคนไข้อยู่ที่ 18-25 ความเสี่ยงการฆ่าตัวตายตลอดชีวิตของคนไข้ประเมินสูงสุดถึง 20%

















