การจูบ จูบนั้น สำคัญไฉน ? ข้อดีของการจูบ
การจูบ พฤติกรรมที่แสดงออกถึงความรัก ความเมตตา ความปรองดอง และความใคร่ มักจะทำกับคนรัก คนในครอบครัว หรือเพื่อน โดยถ่ายทอดแรงสัมผัส และความรู้สึกผ่านเส้นประสาทมากกว่า 10,000 เส้นที่ริมฝีปาก ให้กันและกัน ทำให้สมองของทั้งสองฝ่ายผลิตสารเคมีออกมามากมายระหว่างที่จูบกัน
พฤติกรรมที่มีมานานนับพันปี ไม่ได้พบแค่ในมนุษย์เท่านั้น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม สัตว์ปีก หอยทาก ก็ยังพฤติกรรมในลักษณะเช่นนี้ด้วย
ข้อดีของการจูบ
1.จูบเพื่อ “ความสุข” ลดความเครียด
การจูบไม่ได้หมายถึง วิธีการแสดงความรักในคู่รักเท่านั้น ยังสามารถทำกับคนในครอบครัว หรือเพื่อนได้เช่นกัน ในขณะที่จูบ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนเอนดอร์ฟิน (Endorphin) หรือฮอร์โมนแห่งความสุข ความเคลิบเคลิ้ม ทำให้ผู้ที่จูบและถูกจูบมีความสุข คลายความวิตกกังวล ทั้งยังช่วยลดระดับฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเกิดจากความเครียดได้เป็นอย่างดี
จากการวิจัย พบว่า การจูบ สัมพันธ์กับ ระดับความเครียดที่ลดลง และระดับคอเลสเตอรอลด้วย ซึ่งเป็นการแสดงว่าความเครียดนั้นเชื่อมโยงกับการผลิตฮอร์โมนคอร์ติซอล นอกจากนี้ ยังมีผลการทดสอบว่า คู่สมรสที่จูบกันบ่อยขึ้น จะมีระดับคอเลสเตอรอลที่ลดลง และมีความเครียดที่ลดลงด้วย
2.จูบเพื่อ “ตื่นตัว พึงพอใจ”
ฮอร์โมนอีกชนิด คือ โดพามีน (Dopamine) ฮอร์โมนชนิดนี้เกี่ยวข้องกับสมองส่วนการให้รางวัล (Brain reward system) จะหลั่งออกมาเมื่อเจอสิ่งที่พอใจ อย่างเช่น การได้รับประทานอาหารที่ชอบ การได้จูบกับคนที่ชอบ ทำให้เกิดความรู้สึกมีความสุข รู้สึกสนุก หัวใจเต้นแรง งานวิจัย พบว่า ในระหว่างการร่วมเพศ โดพามีนจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อถึงจุดสุดยอด ระดับจะลดลง และฮอร์โมนโปรแลคติน(Prolactin) จะสูงขึ้นมาแทนที่ เพื่อปิดสวิตช์ไฟราคะนั่นเอง
3.จูบเพื่อ “ผูกมัด”
หากการจูบมีการใช้ลิ้นสัมผัสกันอย่างดูดดื่ม พบว่า สมองจะมีการหลั่งฮอร์โมนออกซิโตซิน (Oxytocin) เป็นฮอร์โมนแห่งความผูกพันธ์ สร้างความรักเดียวใจเดียว ปกติฮอร์โมนชนิดนี้มีประโยชน์มาก อย่างเช่น ช่วยทำให้น้ำนมแม่ไหลออกง่าย ช่วยทำให้แม่คลอดลูกง่ายขึ้น
4.จูบเพื่อ “เบิร์น” กระชับกล้ามเนื้อบนใบหน้า และเผาผลาญแคลอรี
การจูบ ใช้กล้ามเนื้อ Orbicularis oris ที่อยู่รอบ ๆ ปาก เป็นส่วนสำคัญ แต่นอกจากนั้นยังมีกล้ามเนื้ออื่น ๆ อีกรวมถึง 34 มัดที่ใช้ในการจูบ รวมไปถึงเส้นประสาทอย่างน้อย 5 คู่ จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่อยู่บนใบหน้ากระชับขึ้น ซึ่งพบว่า การจูบอย่างดูดดื่ม 1 นาที เผาผลาญพลังงานได้ 26 แคลอรี่
5.จูบเพื่อ “จุดไฟราคะ”
การส่งต่อฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) จากชายสู่หญิง หรือชายสู่ชาย เนื่องจากฮอร์โมนชนิดนี้พบมากในผู้ชาย เพราะเป็นฮอร์โมนหลักที่ใช้ในการเติบโต ซ่อมแซมร่างกาย และเพิ่มความต้องการทางเพศ ซึ่งสามารถพบได้ในเลือด หรือในน้ำลายของผู้ชายเป็นหลัก การจูบแบบดูดดื่มจึงสามารถจุดไฟราคะได้ ควรทำร่วมกับการกอด และการสัมผัสไปพร้อมกัน
นักมวยรองแชมป์โอลิมปิก แซะเจ้าภาพไทย หลังตกรอบรองฯ ซีเกมส์ 33
จีน ไฟเขียว ให้ไทย ถล่มรังแก๊งสแกมเมอร์
เครื่องบินรบไทยรุ่นใหม่ T50TH ลงสนามจริงครั้งแรกผลงานประทับใจ
หญิงชราฟื้นคืนสติระหว่างพิธีศwของตนเอง
สถานีรถไฟเกือบเจ๊ง แต่รอดเพราะแมวตัวเดียว ตำนาน ทามะนายสถานีขนฟูแห่งญี่ปุ่น
สูตรคำนวณงวด 2/1/69
ตัดสินคดีอย่างเด็ดขาด !! เมื่อพี่ชาย kill น้องชายตัวเอง
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
จิตรกรฝรั่งเผย "โฉมหน้าจริง" ฮ่องเต้เฉียนหลง ทำชาวเน็ตอึ้ง ไม่เหมือนในหนังเลยสักนิด
พ่อแม่จีนถึงกับงง! ลูกสาวเกิดมา "ผมทอง-ตาฟ้า" นึกว่ารพ.อุ้มเด็กมาผิดคนที่แท้ได้เชื้อ "ทวดรัสเซีย"
ผลวิจัยชี้ว่าน้ำยาบ้วนปากอาจมีผลข้างเคียงที่กระทบสุขภาพด้านอื่นนอกเหนือจากช่องปากที่ไม่เคยมีการแจ้งเตือนมาก่อน
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริง
ข่าวลับสุดยอด ไทยเจอพิมพ์เขียว วางทุ่นระเบิดของเขมร ความลับของทางการกัมพูชา
อันวาร์ อิบราฮิม เรียกร้องไทย-กัมพูชา แก้ปัญหาความขัดแย้งอย่างสันติในการประชุมอาเซียน.
เทรนด์ใหม่ "ปิดไฟอาบน้ำ" ช่วยแก้ปัญหา "นอนไม่หลับ" แพทย์ชี้ช่วยรีเซ็ตร่างกายได้จริง
บอสชายถาม "เที่ยงคืนมาห้องผมไหม" สาวจบใหม่ตอบฉลาด คว้าตำแหน่งทันที
แพทย์ผิวหนังแนะนำว่าควรเปลี่ยนกางเกงชั้นในบ่อยๆ เพื่อสุขอนามัยที่ดี
วิจัยญี่ปุ่นเผยว่า ความหนาของ "แก้ว" สามารถเปลี่ยนรสชาติได้ โดยถ้าอยากกินหวานควรเลือกแก้วที่หนา.






