[ไวอากร้า] ช่วยทำให้อึดแค่ไหน?

            เชื่อว่าคุณผู้อ่านผู้ชายส่วนใหญ่คงจะคุ้นกับชื่อของ “ไวอากร้า” กันอย่างแน่นอน โดยเฉพาะคนที่กำลังประสบปัญหาหย่อนสมรรถภาพทางเพศหลายคนอาจถึงขนาดพกยาไวอากร้าติดตัวเอาไว้ เผื่อว่าจะได้ช่วยเสริมความแข็งแกร่งของอวัยวะเพศในยามมีกิจกรรมบนเตียงของตัวเอง ซึ่งในวันนี้ บทความนี้ได้การรวบรวมเรื่องราวที่ควรทราบเกี่ยวกับไวอากร้า สำหรับคุณผู้ชายโดยเฉพาะมาให้ทราบกันก่อนที่จะตัดสินใจเลือกใช้มันกัน

ไวอากร้า คืออะไร?

            ไวอากร้าเป็นยาที่ได้รับความนิยมอย่างมากในการช่วยบรรเทา รักษาอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือ ปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หลักการของเจ้ายาตัวนี้ก็ง่าย ๆ เมื่อทานเข้าไป มันจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปยังอวัยวะเพศ การกระตุ้นดังกล่าวสามารถช่วยทำให้อวัยวะเพศชายแข็งตัวขึ้นนั่นเอง สิ่งที่ทำให้ ไวอากร้าช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวมากขึ้น คือ สารที่ชื่อว่า Sildenafil  โดยทั่วไป มักพบว่าผสมอยู่ใน ไวอากร้า ในปริมาณ 25 – 100 มิลลิกรัม ต่อเม็ด

ไวอากร้า ช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวยาวนานมากเพียงใด?

            การแข็งตัวของยา ไวอากร้ามักมีความแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล โดยทั่วไปมันมักจะทำงาน เสริมสมรรถภาพทางเพศหลังจากทานไปแล้ว 30 นาที อย่างไรก็ตาม การทานยา ไวอากร้า เพียงอย่างเดียวจะไม่ได้ช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวขึ้นมาแต่อย่างใด จำเป็นจะต้องใช้การกระตุ้นทางเพศในรูปแบบต่างๆ เช่น การสัมผัส หรืออื่น ๆ เพื่อให้เกิดการตื่นตัวขึ้น

            ระยะเวลาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศเอง ก็มีความแตกต่างกันออกไปในแต่ละบุคคล โดยเฉลี่ยมักช่วยทำให้อวัยวะเพศแข็งตัวได้นานราว 5 ชั่วโมง เมื่อใช้การกระตุ้นอารมณ์ทางเพศควบคู่กันไปด้วย อย่างไรก็ตาม คนทั่วพบว่าฤทธิ์ของยาไวอากร้ามักเสื่อมไปหลังจากการทานประมาณ 2-3 ชั่วโมง

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อฤทธิ์ของ ไวอากร้า

            มีหลายปัจจัยที่ช่วยส่งเสริมและทำลายฤทธิ์ของยาไวอากร้า โดยส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องของอายุผู้ชายที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ที่ระบบเผาผลาญแย่ลงมักทำให้ ไวอากร้า คงอยู่ในร่างกายได้นานมากยิ่งขึ้น การทานอาหารประเภทไขมัน ก่อนทานไวอากร้าก็จะทำให้ ไวอากร้าแสดงผลได้น้อยลง การดื่มแอลกฮอลล์เองก็ถือว่าเป็นข้อห้าม เพราะมันทำให้อัตราการไหลเวียนของเลือดลดน้อยลง แถมปริมาณของตัวยาที่มีปริมาณตั้งแต่ 25-100 มิลลิกรัม ยิ่งตัวยามากเท่าไหร่อวัยวะเพศก็จะแข็งตัวได้นานเท่านั้น แต่คุณจำเป็นที่จะต้องปรึกษากับแพทย์เสียก่อนเลือกใช้ตัวยาที่มีปริมาณสูง ๆ เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง