ตายแล้วก็ไม่เว้น !! "มู่หรงซี" ฮ่องเต้ผู้รักลุ่มหลงจนกลายเป็นความวิปริตที่โลกต้องจารึก
ในหน้าประวัติศาสตร์จีนที่เต็มไปด้วยเรื่องราวอันน่าพิศวง มีเพียงไม่กี่เรื่องที่สามารถทำให้คนอ่านต้องขนลุกขนพอง และ "มู่หรงซี" ฮ่องเต้คนสุดท้ายแห่งโฮ่วเยี่ยน ก็คือตัวละครในหน้าประวัติศาสตร์ที่สร้างเรื่องราวอันน่าสะอิดสะเอียนอย่างยากจะหาใครเทียบ
จากบ่าวต่ำต้อยสู่ฮ่องเต้ผู้ลืมบุญคุณ
มู่หรงซีเริ่มชีวิตด้วยสถานะเพียงบ่าวในวัง แต่ด้วยแรงสนับสนุนของ ติงไทเฮา พี่สะใภ้ที่ให้ความช่วยเหลือ เขากลับได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้ ทว่าเมื่อครองบัลลังก์ได้สำเร็จ เขากลับตอบแทนด้วยการลืมบุญคุณของติงไทเฮา ปล่อยให้เธอต้องจมอยู่ในความเหงาโดดเดี่ยว ก่อนจะบีบบังคับให้เธอฆ่าตัวตาย เมื่อเธอกลายเป็นอดีตที่ถูกลืม มู่หรงซีหันไปมอบหัวใจให้หญิงงามสองพี่น้อง ฝูซงเอ๋อ และ ฝูซวิ่นอิง อย่างหมดสิ้น
ฮ่องเต้ผู้หลงในความงามจนกลายเป็นทาสของอารมณ์
มู่หรงซีเอาใจสองพี่น้องชนิดที่ใครได้ยินก็ต้องตะลึงงัน เขาสร้างทะเลสาบและสระน้ำเพื่อความสุขของฝูซงเอ๋อ จนเมื่อเธอเสียชีวิต เขาก็เทใจทั้งหมดให้ฝูซวิ่นอิง ที่หลงใหลการล่าสัตว์และการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ มู่หรงซีทุ่มเททุกอย่างเพื่อตอบสนองความต้องการของเธอ แม้จะต้องเดินทัพอย่างไร้จุดหมาย ประชาชนเดือดร้อน และทหารหลายพันนายต้องตายเพราะความหนาวเหน็บ
ความวิปริตเกินขีดจำกัด
แต่ความหลงใหลของเขายังไม่จบเพียงเท่านั้น เมื่อฝูซวิ่นอิงเสียชีวิตในปี ค.ศ. 407 มู่หรงซีแสดงความโศกเศร้าราวคนเสียสติ เขากอดและลูบร่างไร้วิญญาณของเธอ พร้อมกล่าวคำที่ทำให้คนฟังต้องสะอิดสะเอียนว่า “ร่างของเธอเริ่มเย็นแล้ว แต่ข้าจะไม่ปล่อยให้เธอจากไป”
สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาคือจุดสูงสุดของความวิตถาร มู่หรงซีถึงขั้นเปิดโลงศพของฮองเฮาเพื่อมีเพศสัมพันธ์กับร่างไร้วิญญาณของเธอ โดยไม่สนว่าเรื่องราวเหล่านี้จะกลายเป็นตำนานแห่งความต่ำทรามในประวัติศาสตร์
จบลงด้วยความอัปยศ
เรื่องราวของมู่หรงซีไม่ได้เป็นเพียงบันทึกของราชวงศ์ที่ล่มสลาย แต่ยังเป็นเครื่องเตือนใจถึงผลลัพธ์ของการปล่อยให้ตัณหาและความลุ่มหลงควบคุมจิตใจจนไม่เหลือศักดิ์ศรี
#ฮ่องเต้สุดวิปริต #ตำนานความล่มสลาย #จีนโบราณที่น่าสะพรึง #มู่หรงซี #慕容溪语 #ฮ่องเต้






















