แพ้ถุงยาง เช็คอาการ และวิธีเลือกถุงยางที่เหมาะสม

 

แพ้ถุงยาง คือ อาการแพ้ผิวหนังที่เกิดขึ้นได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้แพ้ถุงยาง

• แพ้ยางพารา (Latex Allergy) ในถุงยางอนามัย ถุงยางที่ทำจากยางพารานั้นมีราคาถูกที่สุด หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดและมีแจกฟรีทั่วไป

 

• แพ้สารเคลือบถุงยางอนามัย อย่างเช่น สารหล่อลื่นต่าง ๆ หากแพ้สารเคลือบ การเปลี่ยนยี่ห้อถุงยางอนามัยอาจช่วยทำให้อาการแพ้หายไปด้วย

 

• แพ้ถุงยางอนามัยที่หมดอายุ ก่อนเลือกซื้อถุงยางอนามัยควรตรวจสอบให้ละเอียด

 

 

อาการแพ้ถุงยาง

• อาการคัน

 

• รู้สึกเจ็บ และแสบ

 

• ผื่นแดงขึ้นบริเวณอวัยวะเพศ เป็นผื่นคล้ายลมพิษหรือผื่นปื้นแดงหนา บริเวณที่สัมผัสกับถุงยางอนามัย

 

อาการดังกล่าวนี้อาจหายเองได้  โดยอาการจะเกิดหลังมีเพศสัมพันธ์ภายใน 24-48 ชั่วโมง

 

หากแพ้ถุงยางอย่างรุนแรง

• น้ำมูกไหล ไอ จาม

 

• อาการหายใจขัด หายใจไม่ออก แน่นหน้าอก สาเหตุจากหลอดลมเกร็ง

 

• เป็นลม หน้ามืด หรือชักได้  

 

 

รับมืออย่างไรหากแพ้ถุงยาง

• ควรหยุดมีเพศสัมพันธ์และถอดถุงยางอนามัยออกทันที

 

• หลังจากนั้น อาจรับประทานหรือทายาแก้แพ้ แต่หากไม่หายควรไปพบคุณหมอ

 

• เปลี่ยนไปใช้ถุงยางอนามัยที่ทำจากพลาสติดโพลียูเรเธน (Polyuretane) ไม่ผสมสารฆ่าอสุจิ (Spermicide) แทน

 

 

วิธีการเลือกซื้อถุงยางอนามัย

• ควรอ่านฉลากก่อนซื้อทุกครั้ง เพื่อให้ได้รู้ว่าสินค้าตัวนั้น ๆ ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการอาหาร และยา หรือไม่ รวมถึงข้อมูลด้านอื่น ๆ อย่างเช่น วันหมดอายุ หรือ ต้องใช้ก่อนวันที่เท่าไหร่ เป็นต้น

 

• การเลือกประเภทของถุงยาง สำหรับในประเทศไทยโดยทั่วไปจะสามารถพบเห็นขนาดของถุงยางอนามัยที่วางขายในขนาด 49 มม. 51 มม. และ 52 มม. ควรเลือกขนาดของถุงยางให้เหมาะสม เพื่อให้การป้องกันเกิดประสิทธิภาพสูงสุด หากเลือกไม่ถูกขนาดอาจทำให้ถุงยางแตกได้

 

• การบรรจุ และการจัดวางสินค้า ควรตรวจดูว่ากล่องที่บรรจุถุงยางอนามัยชำรุด หรือฉีกขาดหรือไม่ เพราะตัวสินค้าภายในอาจมีความชำรุด ซึ่งไม่ควรนำมาใช้งาน นอกจากนี้ตัวสินค้ายังต้องถูกเก็บรักษาให้พ้นจากแสงแดดอีกด้วย