ด้านมืดของการค้าประเวณีในยุคกลาง
ความจริงที่ไม่เคยถูกเล่าถึงเกี่ยวกับซ่องและโสเภณีในประวัติศาสตร์
โสเภณี ความชั่วร้ายที่สังคมยอมรับ
ในยุโรปยุคกลาง การค้าประเวณีถูกมองว่าเป็น “ความชั่วร้ายที่จำเป็น” 🕊️ แม้ว่าคริสตจักรจะเป็นองค์กรที่ทรงอิทธิพลที่สุดในสังคม และควบคุมวิถีชีวิตของผู้คนในทุกด้าน แต่ก็ยอมรับบทบาทของโสเภณีในฐานะหนทางในการควบคุมความใคร่ของผู้ชาย
🧑⚖️ ตามคำสอนของ Saint Jerome:
- โสเภณีถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่ช่วยระงับความต้องการทางเพศของชายจำนวนมาก
- ในศตวรรษที่ 12 นักบวชชื่อ Gracie ได้นำคำสอนนี้มาขยายความ โดยนิยามว่าโสเภณีคือผู้หญิงที่สำส่อน
- อีกหนึ่งศตวรรษต่อมา คาร์ดินัลชาวอิตาลีก็ยืนยันแนวคิดนี้ โดยเชื่อว่า หากไม่มีโสเภณี ผู้ชายอาจเปลี่ยนเป้าหมายมาสู่ภรรยาของตนเอง หรือกระทำในสิ่งที่ถูกมองว่าเป็นบาป เช่น การร่วมเพศทางทวารหนัก (sodomy)
⛪ บทบาทของโสเภณีในสังคม
ผู้คนเชื่อว่า หากไม่มี “สตรีแห่งรัตติกาล” เหล่านี้ สังคมอาจเกิดความวุ่นวายและระเบียบทางสังคมจะล่มสลาย
ซ่องในยุคกลาง: ศูนย์กลางแห่งความทุกข์
🏠 ในยุคกลาง ซ่องเป็นทั้งแหล่งบันเทิงและสถานที่ที่เต็มไปด้วยความทุกข์ ซ่องจำนวนมากถูก ออกใบอนุญาตโดยทางการเมือง และบางแห่งก็เป็นของเทศบาลโดยตรง
ความสัมพันธ์ระหว่างซ่องและคริสตจักร
- เจ้าหน้าที่คริสตจักรบางคนสนับสนุนซ่อง โดยเชื่อว่าช่วยลดอาชญากรรม เช่น การข่มขืน การรักร่วมเพศ และการล่วงประเวณี
- ในอังกฤษ ซ่องบางแห่งสร้างรายได้ให้กับคริสตจักร ✝️ แสดงให้เห็นว่าความบาปสามารถเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้
- ตัวอย่างเช่น ซ่องในเมืองโบลซาโน (Bolzano) ประเทศอิตาลี ถูกย้ายไปชานเมือง และเทศบาลต้องจ่ายค่าเช่าปีละ 70 ปอนด์ให้กับเจ้าของ
ซ่อง - ความปลอดภัยที่แลกมาด้วยอิสรภาพ
แม้ว่าชีวิตในซ่องจะให้ความมั่นคงในรูปแบบหนึ่ง แต่ผู้หญิงในซ่องก็ยังคงถูกกดขี่และอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวด
เรื่องราวของเอลส์ ความทุกข์ของหญิงสาวในซ่อง
ในปลายศตวรรษที่ 15 เอลส์ ฟอน ไอสเต็ตต์ (Els von Eystett) ถูกว่าจ้างให้ทำงานในซ่องเทศบาลที่เมือง Nördlingen ประเทศเยอรมนี
จากแม่ครัวสู่โสเภณี
- เอลส์เริ่มต้นงานในซ่องในฐานะแม่ครัว แต่ถูกชักจูงให้ขายเรือนร่างแลกเงินโดย Lienhart Fryermutit และผู้ช่วยของเขา Barbara Tarscheinfeindin
- ต่อมาเอลส์ตั้งครรภ์จากลูกค้าคนหนึ่ง เมื่อบาร์บารารู้เรื่อง เธอได้ใช้ส่วนผสมของ ดอกแครอทป่า ใบพืช periwinkle และไวน์ เพื่อทำให้เอลส์แท้งลูก
การบังคับและการข่มขู่
- ลูกของเอลส์เสียชีวิตเมื่ออายุครรภ์ได้ 20 สัปดาห์ เธอถูกบังคับให้กลับมาทำงานทันที และถูกข่มขู่ไม่ให้เปิดเผยเรื่องราว
- เมื่อเพื่อนร่วมงานของเธอ บาร์เบล ฟอน เอสลิงเกน (Barbell von Esslingen) พบศพทารกในห้องของเอลส์และเริ่มเล่าเรื่องให้คนอื่นฟัง เธอก็ถูกส่งตัวไปยังซ่องอีกแห่งเพื่อปิดปาก
การสืบสวนและเปิดโปงความจริง
ข่าวลือเกี่ยวกับการทำแท้งของเอลส์แพร่กระจายไปถึงสภาเมือง เจ้าหน้าที่สองคนจึงถูกส่งมาตรวจสอบซ่อง
การขู่ทำร้ายและการต่อรอง
- หลังจากเจ้าหน้าที่ออกไป Lienhart โกรธจัดและทำร้ายเอลส์ แต่เธอยืนยันว่าจะให้การเป็นพยาน
- Lienhart และ Barbara ตกลงจ่ายหนี้ของเอลส์ เพื่อให้เธอปิดปาก แต่เธอก็ได้เปิดเผยความจริงทั้งหมดให้กับ Margaret von Bibrak โสเภณีอีกคน
สิ่งที่ถูกเปิดโปง:
- การทำแท้งในช่วงปลายของการตั้งครรภ์
- การละเมิดสัญญาของ Lienhart ซึ่งเขาเคยให้คำมั่นว่าจะปฏิบัติตามกฎของซ่อง
ความจริงที่ถูกปกปิดของผู้หญิงในอาชีพนี้
การสืบสวนเปิดเผยถึงการกดขี่และการทารุณกรรมที่ผู้หญิงในซ่องต้องเผชิญ:
- ถูก เฆี่ยนตีด้วยเข็มขัด หรือแส้
- ถูก บังคับให้เดินเปลือยกาย บนท้องถนน
- ถูกกดดันให้มีเพศสัมพันธ์ในวันศักดิ์สิทธิ์ แม้ในช่วงมีประจำเดือน
- ต้องจ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่มในราคาสูงเกินจริง ทำให้พวกเธอจมอยู่ในหนี้สิน
🩺 สุขภาพของพวกเธอ:
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แพร่ระบาด
- ความอดอยากและสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่
บทเรียนจากเรื่องราวของเอลส์และซ่องในยุคกลาง
แม้ว่าเอลส์และผู้หญิงคนอื่น ๆ จะมีชีวิตที่สำคัญในยุคนั้น แต่ประวัติศาสตร์แทบไม่ได้บันทึกเรื่องราวของพวกเธอไว้เลย
🌹 สิ่งที่เราเรียนรู้:
- การค้าประเวณีในยุคกลางไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของการขายบริการ แต่ยังเป็นเรื่องของการกดขี่และความรุนแรง
- ผู้หญิงในอาชีพนี้ต้องเผชิญกับความอยุติธรรมในทุกด้าน ตั้งแต่การบังคับให้ทำงาน ไปจนถึงการสูญเสียสิทธิ์และศักดิ์ศรี
✨ เรื่องราวเช่นนี้ช่วยให้เราตระหนักถึงความสำคัญของการต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีและความเท่าเทียมในทุกยุคทุกสมัย
ที่มา: Wikipedia

















