ทำไม“กระเทย”ในอดีตจึงไม่เป็นที่ยอมรับในสังคมไทย
แม้ว่าสังคมไทยในปัจจุบันจะเปิดกว้างและยอมรับความหลากหลายทางเพศมากขึ้น แต่หากมองย้อนกลับไปในอดีตจะพบว่า กลุ่มบุคคลที่มีเพศสภาพแตกต่างจากเพศกำเนิด โดยเฉพาะ “กระเทย” หรือบุคคลข้ามเพศหญิง กลับไม่ได้รับการยอมรับจากสังคมเท่าที่ควร ทั้งยังเผชิญกับการกีดกัน การล้อเลียน และอคติในหลายระดับ
ในทางประวัติศาสตร์ สาเหตุสำคัญที่ทำให้กระเทยไม่ได้รับการยอมรับในอดีต ได้แก่
1. กรอบวัฒนธรรมแบบขงจื๊อและฮินดู-พุทธที่สืบทอดมา
สังคมไทยได้รับอิทธิพลจากแนวคิดเรื่องบทบาททางเพศจากศาสนาและวัฒนธรรมโดยรอบ ซึ่งมักให้ชายเป็นผู้นำ หญิงเป็นผู้ตาม การเบี่ยงเบนจากบทบาทเหล่านี้ถูกมองว่า “ผิดธรรมชาติ” และเป็นเรื่องที่ไม่ควรยอมรับ
2. โครงสร้างสังคมแบบชายเป็นใหญ่ในยุคโบราณ
ในสมัยกรุงศรีอยุธยาและต้นรัตนโกสินทร์ การเป็นชายที่สมบูรณ์หมายถึงการมีหน้าที่รับใช้ราชการ ทหาร หรือเป็นหัวหน้าครอบครัว เมื่อบุคคลชายแสดงออกอย่างสตรี จึงถูกมองว่าไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ทางสังคมตามคาดหวังได้
3. การขาดการรับรองสถานะในเอกสารหรือกฎหมาย
แม้บุคคลข้ามเพศจะมีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ เช่น ในหมู่บ่าวในวังหรือโรงละคร แต่พวกเขามักไม่มีสถานะที่ถูกต้องตามกฎหมาย หรือไม่สามารถเข้าถึงสิทธิเหมือนบุคคลอื่นในสังคมได้ จึงถูกจำกัดบทบาทและความก้าวหน้าในชีวิต
4. ภาพลักษณ์ในวรรณคดีและสื่อโบราณ
กระเทยหรือบุคคลข้ามเพศในเรื่องเล่าหรือวรรณคดี มักถูกนำเสนอในเชิงล้อเลียน หรือมีบทบาทแฝงในเรื่องขำขัน ทำให้สังคมซึมซับภาพจำเหล่านี้และไม่ให้คุณค่าทางสังคมอย่างเหมาะสม
การที่กลุ่ม “กระเทย” ไม่ได้รับการยอมรับในอดีต เป็นผลจากการผสมผสานของค่านิยม วัฒนธรรม และระบบโครงสร้างทางสังคมที่กำหนดไว้ชัดเจนเรื่องบทบาททางเพศ อย่างไรก็ตาม เมื่อสังคมเริ่มให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และการยอมรับในความหลากหลายมากขึ้น ทำให้สถานะและบทบาทของกลุ่มบุคคลข้ามเพศได้รับการเปิดพื้นที่มากขึ้นในปัจจุบัน









