รับน้องปีหนึ่งหรือรับกรรม? รวมเรื่องวุ่นๆ ของเด็กใหม่วัยใส ที่ใส่ชุดนักศึกษาแต่ใจอยากกลับบ้าน!!

วันนี้เราขอมาเล่าเรื่องวุ่นๆ (หรือจะเรียกว่าความปั่นป่วนก็ได้) ของวัยรุ่นนักศึกษาในช่วงรับน้องปีหนึ่ง ที่เชื่อว่า…ใครผ่านมาแล้ว ต้องมีเรื่องฮาให้เล่าไปยันจบป.โทแน่นอน!!
ใครเคยผ่านรับน้องแล้วไม่ร้องไห้ ไม่ขำ หรือไม่หัวร้อน ขอให้ได้เกียรตินิยม!
1. เริ่มต้นที่ "วาร์ปไม่ได้ก็ต้องวาร์ปใจ"
วันแรกของการรับน้อง...พวกเราปีหนึ่งโดนเรียกรวมตั้งแต่เจ็ดโมงเช้า (ขณะที่เรายังติดหมอนอยู่เลย)
มีพี่ว๊ากหน้าขึงขังยืนหน้าตึกเหมือนผู้คุมวิญญาณจากแฮร์รี่ พอตเตอร์ แต่ใส่รองเท้าแตะ กับเสื้อยืดคำคมว่า "รับน้องไม่ใช่รับกรรม แต่ถ้ามึงดื้อ มึงจะรับกรรมแน่"
โอ้โห ความรู้สึกตอนนั้นคือ “กลับบ้านได้มั้ยอะ เหมือนเข้าค่ายลับอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครรู้ว่าเราจะรอดไหม”
2. เกมที่ไม่ใช่เกม แต่คือการล่าประสาท
พี่ๆ บอกให้เราทำ “เกมกระชับมิตร” ฟังดูดีเนอะ แต่สรุปคือ
เดินเข่ารอบสนาม
กลิ้งตัวผ่านพื้นโคลน
วิ่งผลัดถือน้ำในช้อนชาโดยห้ามหก (แล้วพี่ราดน้ำมาให้จนล้น!)
ร้องเพลงคณะกลางแดดตอนเที่ยงตรง!
เรารู้สึกเหมือนอยู่ในรายการ “ซูเปอร์จิ๋วผจญภัยฝ่าแดดประเทศไทย” ยังไงยังงั้น
3. ชื่อเล่นไม่ใช่ของเราอีกต่อไป
จาก "มายด์" ที่แม่ตั้งชื่อให้สวยหรูในใบเกิด ตอนนี้โดนพี่เรียกว่า "น้องเห็ดทอด" เพราะวันแรกซื้อเห็ดทอดมาแจกเพื่อน
แล้วดันลืมกินของตัวเอง…
ตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าเราจะทำอะไรดีแค่ไหน ก็ไม่มีใครเรียกชื่อจริงอีกเลย
“น้องเห็ดทอด ขึ้นไปร้องเพลง!”
“เห็ดทอด กินน้ำยัง?”
…แม่คะ ชื่อมายด์ลูกหายไปไหน…
4. พี่ว๊ากไม่ว๊ากเปล่า พี่ว๊ากเป็นสายแสดง
มีอยู่วันนึงพี่ว๊ากชื่อ “พี่กอล์ฟ” มาว๊ากพวกเราเสียงดังลั่น "มึงคิดว่าคณะนี้เป็นสนามเด็กเล่นเหรอ!!"
น้ำลายกระเด็นเกือบถึงหน้าแถวหน้า (แถวหลังไม่กลัว แต่อย่ากระเด็นมาเด้อ!)
แต่พอพักเบรก...พี่กอล์ฟเดินไปซื้อน้ำเต้าหู้แล้วแวะบอกว่า “น้องๆ พี่ขอเตี๋ยวน้ำตกเพิ่มหมูด้วยนะ ตอนเย็นไว้เจอกันนะครับ”
โอ้โห...ตะกี้คือซีนดราม่าหรือพี่เป็นนักแสดงอยู่? ตัดภาพพี่ว๊ากมานั่งกินบะหมี่แล้วขำกับพี่ว๊ากอีกคน
ความดราม่าพังทลายเลยจ้า
5. วันประกวดดาวเดือนที่กลายเป็นวันประกวดคนกล้า
มหา’ลัยเราจัดใหญ่ มีประกวดดาวเดือนทุกปี เราก็ไม่คิดอะไรหรอก…
จนกระทั่งวันหนึ่ง…
“น้องเห็ดทอด มึงขึ้นเวทีไปเต้นเพลง ‘Kill This Love’ ของ BLACKPINK เดี๋ยวนี้!!!”
เฮ้ยยยยย ทำไมต้องเป็นเราวะ!!!?
แต่พอขึ้นไปแล้ว…ขอบอกเลยค่ะว่า อินเนอร์ลิซ่ามาเต็ม!! แถมได้เสื้อยืดฟรีกับขนมอีกหนึ่งถุง!
(แต่เสียงหัวเราะของเพื่อนคือของแถมที่ไม่มีวันลืม...)
6. ร้องไห้วันสุดท้าย แต่ไม่ใช่เพราะซึ้ง
วันสุดท้ายของรับน้อง พี่บอกว่า “วันนี้ไม่มีอะไรแล้วจ้ะ มาเจอกันเฉยๆ มีเล่นเกมเบาๆ”
...สุดท้ายจับฉลากเจอเกม กินของปริศนาในกล่องดำ
เรากินอะไรไม่รู้ที่เปรี้ยวเหมือนน้ำมะนาวผสมวาซาบิใส่พริกเผา
ร้องไห้แบบน้ำตาไหลยิ่งกว่าตอนดูละครตอนจบ แล้วพี่ก็ยื่นทิชชู่ให้พลางพูดว่า
“พี่รักน้องนะ อยากให้น้องอดทนต่อไป…”
เอ้าาาาา นี่คือรักแบบไหนเนี่ยพี่!!
7. สรุปว่า...รับน้องคืออะไร?
หลังจากผ่านไปหลายวัน หลายเสียง หลายแผล (ทั้งกายและใจ)
เราก็เข้าใจแล้วว่า "รับน้อง" ไม่ใช่แค่กิจกรรมสนุกๆ
แต่มันคือช่วงเวลาที่ได้รู้จักเพื่อน ได้หัวเราะแบบลืมโลก ได้อายแบบไม่ต้องแคร์
และได้เรียนรู้ว่ามหาวิทยาลัยไม่ได้มีแค่ “วิชาเรียน” แต่มันมี “ประสบการณ์” ที่ไม่มีในหนังสือ
แม้จะเหนื่อย จะงง จะฮา จะอยากกลับ
บ้านวันละสิบรอบ แต่ก็ต้องยอมรับว่า...
มันคือความวุ่นวายที่เราจะไม่มีวันลืมจริงๆ!














