หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"รุกหรือรับ ใครเสี่ยงติด HIV มากกว่ากัน? เรื่องจริงที่หลายคนอาจยังไม่รู้"

เนื้อหาโดย sansanti


สวัสดีครับ วันนี้ขออนุญาตมาตั้งกระทู้คุยเรื่องสุขภาพที่หลายๆ คนอาจเคยสงสัย แต่ไม่กล้าถามกันตรงๆ นั่นก็คือ...
"ระหว่างฝ่ายรุกกับฝ่ายรับ ใครเสี่ยงติดเชื้อเอชไอวี (HIV) มากกว่ากัน?"

ขอเล่าแบบเป็นกันเองเลยนะครับ เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ผมเองก็เคยสงสัยเหมือนกันช่วงที่เริ่มมีแฟนใหม่ๆ ด้วยความที่เราอยากดูแลตัวเองและแฟนให้ดีที่สุด เลยไปหาข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้ พอได้อ่านจริงๆ ก็ตกใจอยู่เหมือนกัน เพราะความเสี่ยงมันไม่เท่ากันจริงๆ ด้วย!

คำตอบสั้นๆ คือ "ฝ่ายรับ" เสี่ยงมากกว่าฝ่ายรุกครับ

สาเหตุเป็นเพราะอะไร?
เวลามีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ทางทวารหนัก (anal sex) เนื้อเยื่อภายในทวารหนักมีความบางและบอบบางมากกว่าผิวหนังหรือเยื่อบุช่องคลอด ทำให้มีโอกาสเกิดแผลขนาดเล็กที่บางทีเราไม่รู้สึกเลยก็ได้ ซึ่งแผลเหล่านี้แหละครับเป็นช่องทางสำคัญที่ไวรัสเอชไอวีจะเข้าไปสู่กระแสเลือดได้ง่าย

นอกจากนี้ น้ำเชื้อหรือของเหลวที่มีเชื้อ ถ้าค้างอยู่ในช่องทวารหนัก ก็ยิ่งเพิ่มโอกาสที่ไวรัสจะติดต่อได้อีก เพราะผิวภายในนั้นมีเส้นเลือดเล็กๆ มากมาย และไวรัสสามารถซึมผ่านเข้าไปได้ง่ายกว่าผิวหนังธรรมดาเยอะเลย

แล้วฝ่ายรุกล่ะ? เสี่ยงไหม?
เสี่ยงเหมือนกันครับ แต่เสี่ยงน้อยกว่าฝ่ายรับประมาณ 10-15 เท่า (ขึ้นอยู่กับการป้องกันและพฤติกรรมอื่นๆ ด้วย)
ฝ่ายรุกจะมีความเสี่ยงก็ต่อเมื่อมีแผลที่องคชาต หรือเยื่อบุผิวหนังชำรุด ซึ่งอาจเกิดจากแรงเสียดสีระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือถ้าไปสัมผัสกับเลือดหรือสารคัดหลั่งของฝ่ายรับที่มีเชื้อ ก็มีโอกาสติดเชื้อได้เช่นกัน

แล้วต้องทำยังไง ถึงจะลดความเสี่ยง?

ใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นรุกหรือรับ (สำคัญมาก)

ใช้สารหล่อลื่นควบคู่ เพื่อป้องกันการเกิดแผลและลดแรงเสียดสี

ตรวจเลือดหา HIV และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STDs) อย่างน้อยปีละ 1-2 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นถ้ามีพฤติกรรมเสี่ยง

ศึกษาเรื่อง PrEP (Pre-Exposure Prophylaxis) ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสสำหรับคนที่ยังไม่ติดเชื้อ แต่ต้องการลดความเสี่ยง

ถ้าเผลอมีความเสี่ยงสูง เช่น ถุงยางแตก หรือมีเซ็กซ์แบบไม่ป้องกัน ควรไปพบแพทย์เพื่อพิจารณาใช้ PEP (Post-Exposure Prophylaxis) ภายใน 72 ชั่วโมงหลังเสี่ยง


ไม่ว่าจะเป็นรุกหรือรับ เราทุกคนมีความเสี่ยงเหมือนกันทั้งนั้น เพียงแต่ว่าในเชิงตัวเลขและโอกาส ฝ่ายรับจะมีความเสี่ยงสูงกว่าค่อนข้างมาก ถ้าเรารู้ข้อมูลพวกนี้ เราจะได้วางแผนป้องกันตัวเองได้ดียิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่ห่วงตัวเอง แต่ยังรวมถึงคู่ของเราด้วยครับ

สุดท้ายนี้ อยากบอกว่าการดูแลสุขภาพทางเพศไม่ใช่เรื่องน่าอายเลยครับ มันคือการรับผิดชอบต่อตัวเองและคนรอบข้าง ใครมีประสบการณ์ หรือเทคนิคเพิ่มเติมในการป้องกัน อยากแชร์กัน เชิญเลยนะครับ มาแลกเปลี่ยนข้อมูลดีๆ กัน

ขอให้ทุกคนมีสุขภาพดีและปลอดภัยครับ!

#HIV #สุขภาพทางเพศ #ปลอดภัยไว้ก่อน #ใช้ถุงยาง #PrEP #PEP #รักตัวเอง

เนื้อหาโดย: sansanti
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
sansanti's profile


โพสท์โดย: sansanti
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อดีตพนักงานแฉ "คลินิกใช้โบท็อกซ์จากขวดที่ตกพื้นแตกฉีดให้ลูกค้า"ยามหล่อสุดดังของไทยเสียชีวิตแล้ว!!ขนอ่อนน้องสาวมีไว้ทำไม?เวลคัล สตรันเจอร์ ทองคำก้อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกเปิดใจวงการ AV สิ่งที่นักแสดงหญิงไม่อยากเล่นมากที่สุดการผจญภัยของพระถังซำจั๋งและการพบกับ “ตือโป๊ยก่าย”รัฐบาลยัน "คุมโควิดไทยได้!!"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ยามหล่อสุดดังของไทยเสียชีวิตแล้ว!!สุดสะเทือนใจ! เด็กหนุ่มหล่อชาวจีน 2 คน อนาคตพังทลายสิ้นเชิง เพราะหลงกลปีศาจในคราบสาวสวย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
การสร้างกระเช้าลอยฟ้าในเขตอุทยานสร้างปัญหาทางธรรมชาติจริงเท็จขนาดไหน?“บางแก้ว” สุนัขสายพันธุ์ไทยแท้ ผู้ภักดีและสง่างาม สมบัติแห่งบ้านบางแก้ว จ.พิษณุโลกนอนอย่างไรให้มีคุณภาพ!เส้นทางชีวิตและผลงานของ ศรัณยู วงษ์กระจ่าง พระเอกแห่งยุค 90
ตั้งกระทู้ใหม่