ยังไม่เข้าข่ายอนาจาร! ตำรวจจ่อเรียก “อินฟลูสาว” ปมคลิปเต้นวาบหวิว
อินฟลูฯสาวบางแสนเต้นโชว์กลางถนนสงกรานต์ สังคมวิจารณ์สนั่น – ตำรวจเตรียมเรียกคุย เตือนความเหมาะสม
กลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์และสังคมไทย เมื่อมีการแชร์คลิปของอินฟลูเอนเซอร์สาวรายหนึ่งที่แต่งกายสุดวาบหวิว เต้นโชว์อยู่บริเวณถนนลงหาดบางแสน ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ซึ่งคลิปวิดีโอดังกล่าวถูกเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเจ้าตัวเอง โดยในโพสต์มีทั้งหมดสองคลิป สร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง ทั้งในแง่ของความเหมาะสม ศีลธรรมสังคม และความเสี่ยงที่อาจเกิดกับเจ้าตัวและบุคคลรอบข้าง
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์
คลิปแรกถูกโพสต์ในวันที่ 13 เมษายน 2568 โดยปรากฏภาพหญิงสาวสวมชุดบิกินี่สีขาว และทับด้วยชุดลูกไม้สีชมพูที่สามารถมองทะลุได้ กำลังเต้นโชว์อย่างสนุกสนานพร้อมถือปืนฉีดน้ำ ซึ่งเป็นภาพที่พบเห็นได้ทั่วไปในช่วงสงกรานต์ แต่สิ่งที่ทำให้คลิปนี้กลายเป็นกระแส คือความวาบหวิวของชุดและท่าทางที่ดูยั่วยวน จนกลายเป็นจุดสนใจบนโลกออนไลน์
ต่อมาในวันที่ 14 เมษายน 2568 เธอโพสต์คลิปที่สอง ซึ่งกลายเป็นไวรัลแทบจะทันที เพราะครั้งนี้เธอสวมบิกินี่สีดำ โดยด้านบนไม่มีบรา ใช้เพียงแผ่นแปะหัวนม (nipple tape) ปิดไว้เท่านั้น ก่อนเต้นโชว์กลางถนนท่ามกลางสายตาผู้คนมากมาย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวและครอบครัวที่พาบุตรหลานมาร่วมกิจกรรมสงกรานต์ สร้างความไม่พอใจให้กับประชาชนจำนวนมาก
ความเคลื่อนไหวของตำรวจ
หลังจากคลิปถูกแชร์ออกไปอย่างรวดเร็ว พ.ต.อ.ปัญจนนท์ วิจิตรโท ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรแสนสุข ได้ออกมาเปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับรายงานและได้ทำการตรวจสอบคลิปวิดีโอทั้งสองอย่างละเอียดแล้ว เบื้องต้นจากการพิจารณาร่วมกับพนักงานสอบสวน เห็นว่าคลิปยังไม่เข้าข่ายความผิดฐาน "กระทำการลามกอนาจาร" ตามกฎหมาย แต่ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในสถานที่สาธารณะและช่วงเทศกาลที่มีเด็กและเยาวชนจำนวนมากเข้าร่วม
ตำรวจเตรียมเรียกตัวหญิงสาวเจ้าของคลิปเข้ามาสอบสวน และตักเตือนเรื่องความเหมาะสมของพฤติกรรมที่แสดงออกต่อหน้าสาธารณะชน พร้อมย้ำว่าแม้จะยังไม่ผิดกฎหมายในเชิงลึก แต่ก็เป็นสิ่งที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบด้านอื่น เช่น การเลียนแบบจากเยาวชน หรือการถูกคุกคามทางเพศจากผู้ไม่หวังดี
มุมมองจากนักกฎหมาย
นักกฎหมายหลายรายออกมาแสดงความเห็นในประเด็นนี้ โดยมีการพูดถึง “เส้นบางๆ” ระหว่างเสรีภาพในการแสดงออก กับความเหมาะสมในบริบทของวัฒนธรรมไทย
หนึ่งในนักกฎหมายชื่อดังระบุว่า “แม้ในรัฐธรรมนูญจะรับรองสิทธิในการแสดงออก แต่ก็ต้องอยู่ในกรอบของกฎหมายและศีลธรรมอันดีของประชาชน พฤติกรรมลักษณะนี้แม้จะไม่เข้าข่ายลามกอนาจารอย่างชัดเจน แต่ก็สามารถถูกตั้งข้อสังเกตว่าเข้าข่ายยั่วยุให้เกิดการกระทำที่ไม่เหมาะสม หรือส่งเสริมพฤติกรรมเสี่ยงในสังคมได้”
กระแสสังคมและโลกออนไลน์
ทันทีที่คลิปถูกแชร์ออกไป ได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงในหมู่ประชาชน โดยมีทั้งฝ่ายที่มองว่าเป็นสิทธิส่วนบุคคล การแสดงออกของหญิงสาวไม่ควรถูกตีตราหรือจำกัดเสรีภาพ ในขณะที่อีกฝ่ายกลับมองว่านี่คือพฤติกรรมที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของสังคม และไม่ควรเกิดขึ้นในที่สาธารณะ โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลที่มีประชาชนจำนวนมาก รวมถึงเด็กเล็กเข้าร่วม
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางรายแสดงความคิดเห็นว่า “เข้าใจว่าเป็นการโปรโมตตัวเอง แต่แบบนี้มันเกินไป สถานที่ไม่เหมาะ เวลาไม่เหมาะ เด็กเห็นหมด” ขณะที่บางรายกลับมองว่า “มันคือการแสดงออกในยุคเสรีภาพ ใครไม่พอใจก็เลื่อนผ่านไปก็จบ”
ประเด็นนี้สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของค่านิยมในยุคดิจิทัล ที่การสร้างคอนเทนต์บนโลกออนไลน์อาจมีผลกระทบในโลกจริงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะเมื่อเนื้อหานั้นเข้าข่ายกระทบกับค่านิยมดั้งเดิมของสังคมไทยที่ยังยึดมั่นในเรื่องของความเรียบร้อย ความสุภาพ และความเคารพต่อสถานที่สาธารณะ
นอกจากนี้ ยังสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่เยาวชนจำนวนมากเลียนแบบพฤติกรรมจากอินฟลูเอนเซอร์โดยไม่ผ่านกระบวนการกลั่นกรอง ซึ่งอาจนำไปสู่พฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม และเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของการคุกคามทางเพศหรือการล่อลวงในโลกออนไลน์
บทสรุป
แม้เหตุการณ์นี้จะไม่เข้าข่ายความผิดตามกฎหมายโดยตรง แต่ก็สร้างคำถามมากมายเกี่ยวกับบทบาทของอินฟลูเอนเซอร์ในยุคปัจจุบัน ว่าควรมีความรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่เผยแพร่บนแพลตฟอร์มสาธารณะมากน้อยเพียงใด ในขณะเดียวกัน สังคมเองก็ต้องปรับตัวและเข้าใจว่าโลกออนไลน์ในยุคนี้เปลี่ยนไปมาก สิ่งสำคัญที่สุดคือการปลูกฝังจิตสำนึกและค่านิยมที่เหมาะสมให้กับเยาวชนตั้งแต่ต้น
ตำรวจในฐานะหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายก็ต้องมีบทบาทในการชี้แนะแนวทาง และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันนี้ซ้ำอีกในอนาคต





















