10 ข้อดีของการช่วยตัวเองของผู้หญิง
10 ข้อดีของการช่วยตัวเองของผู้หญิง
แม้ในสังคมไทยการพูดคุยเรื่องเพศยังคงเป็นสิ่งที่หลายคนรู้สึกอึดอัด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “การช่วยตัวเอง” หรือ “การสำเร็จความใคร่ด้วยตนเอง” เป็นพฤติกรรมทางเพศที่ธรรมชาติที่สุดอย่างหนึ่ง และมีประโยชน์ทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อาจมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มานาน บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจถึงข้อดีของการช่วยตัวเองของผู้หญิงทั้ง 10 ข้อ เพื่อส่งเสริมให้เห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่ได้เป็นเรื่องผิดหรือแปลกประหลาดแต่อย่างใด
1. คลายเครียดและสร้างความผ่อนคลาย
เมื่อผู้หญิงถึงจุดสุดยอด ร่างกายจะหลั่งสารแห่งความสุขหลายชนิด เช่น เอ็นดอร์ฟิน (endorphin), โดพามีน (dopamine) และ ออกซิโทซิน (oxytocin) ซึ่งมีฤทธิ์ลดความเครียด ทำให้อารมณ์ดีขึ้น และช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย การช่วยตัวเองหลังจากวันที่เหนื่อยล้าจึงเป็นวิธีธรรมชาติที่ปลอดภัยในการจัดการกับความเครียดและความวิตกกังวล
2. ช่วยให้นอนหลับง่ายและลึกขึ้น
การถึงจุดสุดยอดช่วยลดระดับคอร์ติซอล (hormone ความเครียด) และเพิ่มสารเซโรโทนิน ซึ่งส่งผลให้นอนหลับได้ดีขึ้น การช่วยตัวเองก่อนนอนจึงช่วยให้ผู้หญิงนอนหลับลึก มีคุณภาพ และตื่นมาพร้อมความสดชื่นมากขึ้น
3. เข้าใจร่างกายของตัวเอง
ผู้หญิงจำนวนมากไม่เคยมีโอกาสสำรวจและทำความรู้จักกับร่างกายของตนเอง การช่วยตัวเองจึงเป็นเหมือนการ “ฝึกฝน” ให้รู้ว่าอะไรทำให้เรารู้สึกดี จุดไหนที่ไวต่อการสัมผัส และอะไรที่ไม่ชอบ สิ่งนี้มีผลโดยตรงต่อการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี เพราะยิ่งรู้จักตัวเองมากเท่าไร ก็ยิ่งสามารถสื่อสารกับคู่นอนได้ดีขึ้นเท่านั้น
4. เพิ่มความมั่นใจในเรื่องเพศ
เมื่อผู้หญิงรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และกล้าที่จะสำรวจความรู้สึกทางเพศของตนเอง ก็จะส่งผลให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น ทั้งในเชิงร่างกายและจิตใจ การช่วยตัวเองจึงเป็นเครื่องมือหนึ่งในการสร้าง self-esteem ด้านเพศอย่างแท้จริง
5. ลดอาการปวดประจำเดือน
หลายคนอาจคาดไม่ถึงว่า การช่วยตัวเองสามารถบรรเทาอาการปวดท้องประจำเดือนได้จริง เนื่องจากในระหว่างการถึงจุดสุดยอด กล้ามเนื้อบริเวณมดลูกจะเกิดการหดตัวและคลายตัวเป็นจังหวะ ส่งผลให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น และบรรเทาความตึงเครียดของกล้ามเนื้อที่ทำให้เกิดอาการปวด
6. ส่งเสริมสุขภาพของช่องคลอด
การกระตุ้นบริเวณอวัยวะเพศหญิงทำให้เลือดไหลเวียนไปยังบริเวณอุ้งเชิงกรานและช่องคลอดมากขึ้น ซึ่งช่วยรักษาความชุ่มชื้น ความยืดหยุ่น และความแข็งแรงของเนื้อเยื่อบริเวณนั้น ลดความเสี่ยงของอาการช่องคลอดแห้งหรือฝืด โดยเฉพาะในผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน
7. ปลอดภัยจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และการตั้งครรภ์
การช่วยตัวเองเป็นทางเลือกทางเพศที่ปลอดภัยที่สุด เพราะไม่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ (STIs) เช่น HPV, หนองใน หรือ HIV และแน่นอนว่าไม่เสี่ยงตั้งครรภ์ ทำให้เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้หญิงที่ยังไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์จริง
8. เพิ่มความพึงพอใจทางเพศเมื่อมีคู่นอน
ผู้หญิงที่ช่วยตัวเองเป็นประจำมักมีความเข้าใจในร่างกายตนเองดีขึ้น ทำให้เมื่อมีเพศสัมพันธ์กับคู่ ก็สามารถตอบสนองได้ดีขึ้น มีความพึงพอใจทางเพศสูงกว่า และสามารถบรรลุจุดสุดยอดได้บ่อยขึ้น งานวิจัยยังพบว่าผู้หญิงที่มีนิสัยช่วยตัวเองสม่ำเสมอมีแนวโน้มมีชีวิตคู่ทางเพศที่ดีขึ้น
9. ใช้แทนการระบายแรงขับทางเพศเมื่อยังไม่พร้อมมีเพศสัมพันธ์
โดยเฉพาะในวัยรุ่นหรือคนโสด การช่วยตัวเองเป็นวิธีระบายแรงขับทางเพศตามธรรมชาติที่ไม่ต้องพึ่งพาคู่ ทำให้สามารถจัดการอารมณ์ ความรู้สึก หรือความต้องการทางเพศของตนเองได้อย่างมีสติ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง
10. เสริมสุขภาพหัวใจและระบบหมุนเวียนเลือด
แม้จะดูเป็นกิจกรรมเล็ก ๆ แต่การช่วยตัวเองจนถึงจุดสุดยอดนั้นทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น ความดันเลือดสูงขึ้นในระยะสั้น ส่งผลคล้ายกับการออกกำลังกายเบา ๆ ซึ่งดีต่อสุขภาพหัวใจ และช่วยให้ระบบไหลเวียนเลือดโดยรวมทำงานได้ดีขึ้น หากทำเป็นประจำในระดับที่เหมาะสม ก็ถือเป็นการดูแลสุขภาพแบบหนึ่งได้เช่นกัน
สรุป
การช่วยตัวเองของผู้หญิงไม่ใช่เรื่องน่าอาย ไม่ใช่สิ่งผิด หรือเป็น “พฤติกรรมเบี่ยงเบน” อย่างที่เคยเข้าใจกันในอดีต แต่เป็นเรื่องของความสัมพันธ์กับตนเอง ทั้งทางกายและใจ ที่สามารถส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวมอย่างแท้จริง
การรู้จักตัวเองในมิติทางเพศคือหนึ่งในพื้นฐานของการมีเพศสัมพันธ์ที่ดี มีชีวิตคู่ที่สุขสม และมีสุขภาพจิตที่แข็งแรง การพูดคุยเรื่องนี้ในเชิงบวกอย่างเปิดเผย จึงถือเป็นการสร้างความเข้าใจใหม่ที่จำเป็นสำหรับสังคมในยุคปัจจุบัน

















