ไม่รอด! จับ “JJ SWEETMEAT” ดาวเอ็กซ์สาวอวบ รายได้คลิปโป๊พุ่ง 9 หมื่นต่อเดือน
ตำรวจไซเบอร์จับ “JINJIA” ดาวทวิตเตอร์ชื่อดังวัย 19 ปี ปมเผยแพร่คลิปลามกอนาจารในที่สาธารณะ-สร้างรายได้หลักแสนต่อเดือน
กลายเป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามในโลกออนไลน์ หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ กองกำกับการ 2 กองบังคับการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 3 (กก.2 บก.สอท.3) ได้ทำการเข้าจับกุมหญิงสาววัยเพียง 19 ปี เจ้าของบัญชีทวิตเตอร์ชื่อ “@jinjiasweetmeat” หรือที่รู้จักกันในโลกออนไลน์ว่า “JINJIA” หรือ “JJ SWEETMEAT” ที่บ้านพักในพื้นที่ ต.บางศรีเมือง อ.เมือง จ.นนทบุรี ในข้อหาเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์
โดยข้อกล่าวหาหลักคือ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใด ๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้” ซึ่งถือเป็นความผิดตามกฎหมาย เนื่องจากเนื้อหาที่ถูกโพสต์มีลักษณะลามกอนาจาร และถูกตั้งค่าให้เป็นสาธารณะ ซึ่งผู้ใช้งานทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ทันทีโดยไม่ต้องผ่านการติดตามหรือลงทะเบียนใด ๆ
การสืบสวนเริ่มต้นขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชนที่พบเห็นบัญชีทวิตเตอร์ชื่อ “JINJIA” เผยแพร่เนื้อหาไม่เหมาะสมจำนวนมาก โดยเฉพาะคลิปวิดีโอที่แสดงพฤติกรรมทางเพศอย่างโจ่งแจ้งกับชายหลายคน โดยไม่มีการเซ็นเซอร์และเปิดให้รับชมได้แบบสาธารณะ ซึ่งเข้าข่ายการกระทำความผิดชัดเจน
หลังจากการตรวจสอบอย่างละเอียด ทีมสืบสวนพบว่าบัญชีดังกล่าวยังมีการเชื่อมโยงไปยังอีกหนึ่งบัญชีชื่อ “JJ SWEETMEAT” โดยลิงก์เชิญเข้าชมกลุ่มลับ รวมถึงการประกาศขายคลิปวิดีโอเพิ่มเติมที่มีเนื้อหาในลักษณะเดียวกัน ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญในการดำเนินคดี
ผู้ต้องหาคือ น.ส.กานต์ (สงวนนามสกุล) อายุเพียง 19 ปี ให้การรับสารภาพว่าเธอเป็นผู้ถ่ายคลิปและอัปโหลดลงแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) ด้วยตนเองทั้งหมด โดยมีเจตนาเพื่อสร้างรายได้จากการขายคลิปวิดีโอในกลุ่มลับ ซึ่งเธอเปิดเผยว่าทำกิจกรรมดังกล่าวมาแล้วกว่า 4 ปีครึ่ง ตั้งแต่อายุประมาณ 14–15 ปี โดยเริ่มต้นจากการโพสต์คอนเทนต์แบบเบา ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ขยับไปสู่เนื้อหาที่มีความโจ่งแจ้งมากขึ้นตามกระแสเรียกร้องของผู้ติดตาม
นอกจากนี้ เธอยังเล่าว่าเคยมีรายได้ต่อเดือนอยู่ระหว่าง 70,000 – 90,000 บาท จากการขายคลิปในกลุ่มลับ และการรับโฆษณาจากลูกค้าที่ต้องการโปรโมทสินค้าหรือบริการผ่านบัญชีของเธอ
นอกจากการถ่ายและโพสต์คลิปเองแล้ว น.ส.กานต์ยังมีรูปแบบการทำเงินที่ชัดเจนและเป็นระบบ โดยเมื่อบัญชีมีผู้ติดตามจำนวนมาก (สูงสุดเคยมีถึง 300,000 ราย) เธอจะขายบัญชีนั้นให้กับบุคคลอื่นในราคาหลักพันบาท และเปิดบัญชีใหม่เพื่อเริ่มต้นกิจกรรมเดิมซ้ำอีกครั้ง
เธอเล่าว่า วิธีนี้ช่วยให้สามารถสร้างรายได้หลายทาง ทั้งจากยอดขายบัญชี ยอดขายคลิป และค่าธรรมเนียมจากการเชิญเข้ากลุ่มลับในแอปพลิเคชันต่าง ๆ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นแอปที่มีระบบความปลอดภัยต่ำ และไม่มีการควบคุมคอนเทนต์อย่างจริงจัง
กรณีของ “JINJIA” ไม่ใช่กรณีแรกที่เกิดขึ้นในประเทศไทย แต่เป็นตัวอย่างที่สะท้อนให้เห็นชัดว่า เยาวชนไทยจำนวนไม่น้อยกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงจากการแสวงหารายได้ผ่านโลกออนไลน์แบบผิดกฎหมาย โดยเฉพาะการขายคอนเทนต์แนวลามกอนาจารที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญด้านสื่อและกฎหมายแสดงความเป็นห่วงว่า การเข้าถึงแพลตฟอร์มที่เปิดกว้างเกินไป เช่น Twitter (X) ทำให้เยาวชนจำนวนมากมองว่า “การขายคอนเทนต์ 18+” เป็นทางเลือกหนึ่งในการหารายได้ โดยขาดความเข้าใจในเรื่องของกฎหมาย จริยธรรม และผลกระทบทางจิตใจระยะยาว
ดำเนินคดีตามกฎหมาย – เส้นทางจากโลกออนไลน์สู่ศาล
หลังการสอบสวนเสร็จสิ้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ควบคุมตัว น.ส.กานต์ ส่งดำเนินคดีตามกฎหมายทันที โดยเบื้องต้นตั้งข้อหาตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2560 ซึ่งระบุชัดเจนว่าการเผยแพร่สื่อลามกอนาจารที่สามารถเข้าถึงได้โดยบุคคลทั่วไป เป็นการกระทำผิดที่มีโทษทั้งจำคุกและปรับ
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเนื้อหาที่เธอเผยแพร่อาจเข้าข่ายการกระทำผิดเกี่ยวกับสื่อลามกเด็ก หากพบว่ามีการสร้างหรือเผยแพร่เนื้อหาในช่วงที่ผู้ต้องหายังไม่บรรลุนิติภาวะ ซึ่งอาจทำให้เธอต้องเผชิญโทษเพิ่มขึ้นอีก
กรณี “JINJIA” เป็นบทเรียนที่สะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนของปัญหาสังคมยุคดิจิทัล ทั้งในมิติของกฎหมาย จริยธรรม และความเสี่ยงของเยาวชนในการใช้แพลตฟอร์มออนไลน์โดยไม่มีการกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดจากครอบครัวหรือสังคม
ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเครื่องเตือนใจถึงผู้ใช้งานทั่วไปว่า “โลกออนไลน์ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยเสมอไป” การเผยแพร่เนื้อหาใด ๆ โดยเฉพาะสื่อลามกอนาจาร ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อตนเอง แต่ยังอาจมีผลกระทบต่อคนอื่น ทั้งในเชิงจิตใจและกฎหมาย
สรุป
การจับกุม “@jinjiasweetmeat” สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการสร้างความรู้เท่าทันดิจิทัลให้กับเยาวชน และบทบาทสำคัญของเจ้าหน้าที่รัฐในการป้องปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี แม้โซเชียลมีเดียจะเปิดโอกาสในการสร้างรายได้ แต่หากใช้ผิดทาง ก็อาจนำไปสู่การสูญเสียอนาคตอย่างไม่มีวันย้อนกลับ














