การใช้ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางรั่ว ลืมกินยาคุมประจำวัน หรือไม่ได้ป้องกันเลย
การใช้ยาคุมฉุกเฉิน เป็นวิธีป้องกันการตั้งครรภ์หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิด เช่น ถุงยางรั่ว ลืมกินยาคุมประจำวัน หรือไม่ได้ป้องกันเลย
ยาคุมฉุกเฉิน (Emergency Contraceptive Pills - ECPs) เป็นยาที่มีฮอร์โมนในปริมาณสูง ใช้เพื่อยับยั้งการตกไข่หรือการฝังตัวของไข่ที่ได้รับการปฏิสนธิแล้วในโพรงมดลูก โดยทั่วไปมี 2 ชนิดหลัก:
ชนิดเม็ดเดียว (มีฮอร์โมน Levonorgestrel 1.5 มิลลิกรัม)
ชนิดสองเม็ด (เม็ดละ 0.75 มิลลิกรัม กินห่างกัน 12 ชั่วโมง)
ควรกินเร็วที่สุด หลังจากมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน ภายใน 72 ชั่วโมง (3 วัน) แต่ยิ่งกินเร็ว ประสิทธิภาพยิ่งสูง โดยเฉพาะใน 12-24 ชั่วโมงแรก
กินตามคำแนะนำบนฉลากหรือที่แพทย์หรือเภสัชกรแจ้ง
หากอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมงหลังทานยา ควรกินซ้ำอีก 1 เม็ด
ป้องกันการตั้งครรภ์ได้ ประมาณ 85-95% หากใช้ถูกต้องและภายในเวลาที่กำหนด
ไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้
คลื่นไส้ อาเจียน
เวียนหัว อ่อนเพลีย
ปวดหัว
ประจำเดือนมาคลาดเคลื่อน (เร็วหรือช้า)
เจ็บคัดเต้านม
ผลข้างเคียงเหล่านี้มักไม่รุนแรงและหายได้เองในไม่กี่วัน
ไม่ควรใช้บ่อยๆ เพราะเป็นฮอร์โมนในขนาดสูง อาจมีผลกระทบต่อระบบร่างกายในระยะยาว เช่น รอบเดือนแปรปรวน หรือระบบฮอร์โมนเสียสมดุล
ไม่ใช่วิธีคุมกำเนิดหลัก ควรใช้เฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น
ไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ หากไข่ฝังตัวแล้ว ยาจะไม่สามารถยุติการตั้งครรภ์ได้
หากต้องมีเพศสัมพันธ์เป็นประจำ ควรเลือกวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสม เช่น ยาคุมรายเดือน ถุงยางอนามัย ห่วงคุมกำเนิด หรือฉีดยาคุม
หากประจำเดือนไม่มาภายใน 3 สัปดาห์หลังจากใช้ยาคุมฉุกเฉิน ควรตรวจการตั้งครรภ์
ปรึกษาแพทย์หากมีอาการผิดปกติหรือใช้ยาเกิน 2 ครั้งในรอบเดือน