อลิซาเบธ บาโธรี่ ปริศนาเลือดและการไขความจริงในยุคปัจจุบัน
อลิซาเบธ บาโธรี่ เคานเตสชาวฮังการี เกิดในปี 1560 ในตระกูลขุนนางผู้มีอิทธิพลและร่ำรวย เธอได้รับการศึกษาดีและพูดได้หลายภาษา แต่สุขภาพกายและใจของเธอไม่แข็งแรงนัก เนื่องจากปัญหาการแต่งงานในหมู่เครือญาติ และยังต้องเผชิญกับความรุนแรงและการประหารชีวิตทาสมาตั้งแต่เด็ก เมื่ออายุ 13 ปี เธอถูกจับหมั้นและแต่งงานในเวลาต่อมา มีลูก 4 คน และเมื่อสามีของเธอต้องไปรบ เธอจึงต้องดูแลปราสาทและชาวบ้าน ว่ากันว่าในช่วงนี้เองที่เธอเริ่มทรมานคนรับใช้ในปราสาทอย่างทารุณ โดยเชื่อว่าเสียงกรีดร้องจะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวไมเกรนของเธอ วิธีการทรมานทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสามีของเธอเสียชีวิต
ข่าวลือที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดเกี่ยวกับอลิซาเบธ บาโธรี่ คือความเชื่อว่าเธอฆ่าหญิงสาวเพื่อนำเลือดมาอาบและดื่มกิน เพื่อรักษาความอ่อนเยาว์ของตนเอง ว่ากันว่าเธอเริ่มจากการทำร้ายสาวใช้ในปราสาท ก่อนที่จะขยายเป้าหมายไปยังเด็กสาวจากตระกูลผู้ดี โดยเปิดโรงเรียนสอนมารยาทบังหน้า แต่เด็กสาวที่มาเรียนกลับหายตัวไปทีละคน ทำให้ผู้ปกครองเริ่มสงสัยและนำไปสู่การสอบสวนอย่างจริงจังในปี 1610
จากการสอบสวน มีพยานกว่า 300 คนให้การถึงความโหดร้ายของอลิซาเบธ บาโธรี่ ซึ่งรวมถึงการทรมานด้วยวิธีต่างๆ เช่น การตัดนิ้ว ราดน้ำเย็นในที่หนาวเย็น เฆี่ยนตี ใช้เหล็กร้อนจี้ และตัดเหยื่อเป็นชิ้นๆ มีพยานบางคนอ้างว่าอลิซาเบธจดบันทึกการฆาตกรรมไว้ ซึ่งมีรายชื่อเหยื่อมากถึง 650 คน แต่ไม่เคยมีการพบบันทึกดังกล่าว หลักฐานที่มีทำให้เธอถูกจับกุมในข้อหาฆาตกรรมหญิงสาวกว่า 80 คน
ด้วยอิทธิพลของตระกูล แทนที่จะถูกประหารชีวิต อลิซาเบธ บาโธรี่ถูกตัดสินให้จำคุกตลอดชีวิตในปราสาทของตัวเอง โดยถูกขังในห้องที่ถูกปิดตาย เหลือเพียงช่องเล็กๆ สำหรับอากาศและอาหาร เธอเสียชีวิตในวัย 54 ปี ส่วนผู้สมรู้ร่วมคิดบางคนถูกตัดสินประหารชีวิต
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน นักวิชาการบางส่วนกำลังพยายามพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้กับอลิซาเบธ บาโธรี่ โดยตั้งข้อสงสัยว่าเรื่องราวต่างๆ อาจถูกแต่งเติมขึ้นด้วยเหตุผลทางการเมือง เนื่องจากตระกูลของเธอมีอำนาจและเคยขัดแย้งกับราชสำนัก อีกทั้งกษัตริย์ที่ตัดสินโทษเธอยังติดเงินเธออยู่ด้วย ทำให้เรื่องราวของ "เคานเตสแห่งเลือด" ยังคงเป็นปริศนาที่น่าสนใจและถูกถกเถียงกันมาจนถึงทุกวันนี้

















