น้องเดียวคือใคร? เปิดวาร์ปสาวน้อยที่ทำให้ทั้งประเทศสะเทือนใจในโหนกระแส
ช็อกทั้งโซเชียล! “น้องเดียว” สาวผู้เคราะห์ร้าย ออกมาเปิดใจน้ำตาซึม หลังแม่แท้ๆ นำรูปไปหลอกขอเงินคนอื่นซ้ำซาก จนต้องประกาศตัดขาดความสัมพันธ์
กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวางในโลกออนไลน์ เมื่อผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้นามว่า “คุณเดียว” ได้ตัดสินใจโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ประกาศตัดความสัมพันธ์กับ “แม่แท้ๆ” ของตัวเอง หลังจากทนกับพฤติกรรมหลอกลวงผู้อื่นไม่ไหว โดยเฉพาะการนำ “รูปถ่ายส่วนตัว” ของลูกสาวไปใช้แอบอ้างหลอกขอเงินคนอื่น ทั้งที่ไม่มีการยินยอมใดๆ สร้างความเสียหายทั้งในแง่ชื่อเสียงและความรู้สึกอย่างรุนแรง
เหตุการณ์นี้ยิ่งทวีความน่าสนใจและสะเทือนใจเมื่อ “คุณเดียว” ได้ปรากฏตัวผ่านรายการดัง “โหนกระแส” เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา พร้อมกับทนายความ เพื่อชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่า สิ่งที่เธอเปิดเผยไม่ได้เกิดจากความโกรธแค้นแม่ แต่เกิดจากความจำเป็นที่ต้องออกมาปกป้องตัวเองและลูกอีก 2 คน ที่อาจได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมดังกล่าวในอนาคต
เบื้องหลังความเจ็บปวด: รูปลูกสาวกลายเป็นเครื่องมือหลอกลวง
จากปากคำของ “คุณเดียว” เธอเปิดเผยว่าแม่ของเธอมักจะใช้รูปของลูกสาวในช่องทางต่างๆ โดยเฉพาะบนแอปเล่นเกมและโซเชียลมีเดีย เพื่อหลอกลวงผู้ชายให้หลงเชื่อว่ากำลังพูดคุยกับหญิงสาวในรูปภาพนั้น แม้ว่าจะเคยถูกจับได้หลายครั้ง แต่แม่ของเธอก็ไม่เคยสำนึก และยังคงพฤติกรรมเดิมซ้ำๆ อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร
เธอยังเผยอีกว่ามีผู้ชายในละแวกบ้านถึง 3-4 คน ที่เดินมาทักเธอแบบแปลกๆ พร้อมบอกว่าคุยกันทุกวัน เล่นเกมด้วยกันทุกคืน บางรายยังโชว์หน้าจอแชทว่าเป็นไลน์ของเธออีกด้วย จนเธอต้องตามสืบ และพบว่าแม่เป็นคนใช้รูปของเธอไปเล่นเกมไพ่กับชายเหล่านั้นจริง
โกหกว่าลูกถูกรถชน! หลอกขอค่าทนายร่วมแสนบาท
หนึ่งในเหตุการณ์ที่สะเทือนใจและสร้างความโกรธเคืองให้กับคุณเดียวมากที่สุด ก็คือ เมื่อช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของปีก่อน เธอถูกรถชนและต้องเข้ารับการรักษา แม่ของเธอกลับใช้โอกาสนี้สร้างเรื่องหลอกลวง โดยนำภาพของลูกสาวที่ป่วยไปขอเงินจากบุคคลอื่น โดยอ้างว่าเป็นค่าทนายในการต่อสู้คดี
ผู้เสียหายรายหนึ่งที่หลงเชื่อคำกล่าวอ้างของแม่คุณเดียว กลับกลายเป็น “พระภิกษุ” ซึ่งเธอยืนยันว่าพระรูปนี้ได้โอนเงินมาให้หลายครั้ง รวมๆ แล้วเป็นเงินกว่า 100,000 บาท แต่เงินเหล่านั้นไม่เคยถูกนำมาใช้รักษาเธอเลยแม้แต่บาทเดียว
พระรูปดังกล่าวได้โทรศัพท์เข้ามาชี้แจงในรายการว่า ตัวเองรู้จักกับแม่ของคุณเดียวมาตั้งแต่ก่อนบวช และตอนที่เริ่มคุยกันก็เข้าใจว่าเป็นลูกสาวในรูปจริงๆ เพราะแม่ของคุณเดียวพยายามสวมรอยเป็นลูกสาว ส่งรูป ส่งข้อความหวานๆ จนพระเกิดความสงสารและเมตตา โดยยืนยันว่าไม่เคยคิดในเชิงชู้สาว เพียงแต่อยากช่วยเหลือ
ส่งของ-ส่งความหวัง หลอกจนเกือบยอมสึก!
ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ของคุณเดียวกับพระรูปดังกล่าวยังไม่หยุดแค่นั้น พระภิกษุยังเปิดเผยอีกว่า เคยส่งขนมและของใช้มาให้ถึงบ้านคุณเดียว โดยอ้างว่าส่งให้ “บุตรบุญธรรม” และยังเคยส่ง “กล่องใส่กีต้าร์” มาให้ด้วย ซึ่งภายในกล่องมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้ส่ง ทำให้คุณเดียวสงสัยและโทรกลับไป ก่อนจะพบว่าแท้จริงแล้วเป็นของที่แม่เธอหลอกให้พระส่งมา
ที่น่าตกใจกว่านั้นคือ พระรูปดังกล่าวเคยคิดจะสึกจากสมณเพศ เพื่อมาใช้ชีวิตร่วมกับแม่ของคุณเดียว และถึงขั้นมีแผนจะขายที่ดินเพื่อเอาเงินมาลงทุนทำฟาร์มเลี้ยงปลาร่วมกันด้วย แต่สุดท้ายก็ต้องถอยเพราะรู้ความจริง
เมื่อความอดทนถึงขีดสุด: “ขอประกาศตัดขาดแม่”
ด้วยเหตุการณ์ซ้ำซาก และความเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งต่อชื่อเสียง หน้าที่การงาน และจิตใจของลูกสาว ทำให้ “คุณเดียว” ตัดสินใจโพสต์ข้อความตัดขาดความสัมพันธ์กับแม่ของตัวเอง ซึ่งถือเป็นการกระทำที่ต้องใช้ความกล้าอย่างมาก และเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ในโพสต์ของเธอระบุว่า “ที่ออกมาพูดไม่ใช่เพราะโกรธหรือเกลียด แต่เพราะต้องการปกป้องตัวเองและลูกอีก 2 คนที่โตขึ้นมาอาจเจอผลกระทบจากการกระทำของยายตัวเอง” โดยย้ำว่าเธอต้องใช้โซเชียลมีเดียในการทำมาหากิน และไม่สามารถให้ใครนำภาพเธอไปใช้หลอกคนอื่นได้อีกต่อไป
ทนายเผย: ลูกฟ้องพ่อแม่ไม่ได้ แต่แจ้งความได้
ด้านทนายความในรายการโหนกระแส ได้ให้ข้อมูลทางกฎหมายว่า ตามหลักกฎหมายไทยนั้น “ลูกฟ้องพ่อแม่ไม่ได้” เนื่องจากความสัมพันธ์สายเลือด แต่ในกรณีที่เกิดการละเมิด เช่น การแอบอ้างชื่อ เสียหายทางการเงิน หรือชื่อเสียง สามารถ “แจ้งความลงบันทึกประจำวัน” ได้เพื่อความปลอดภัย
และหากมีผู้เสียหายที่ถูกหลอกลวงจากการใช้ภาพลูกไปขอเงิน ก็สามารถดำเนินคดีทางกฎหมายได้โดยตรงกับผู้กระทำผิด ซึ่งก็คือแม่ของคุณเดียว
เสียงของลูกที่ถูกมองข้าม
ในช่วงท้ายของรายการ คุณเดียวเปิดเผยว่า เธอเคยพยายามขอหลักฐานทางการเงินจากแม่ เช่น รายการโอนเงิน หรือการสนทนาเพื่อพิสูจน์ความจริง แต่แม่ของเธอกลับไม่ยอมให้ และยังโวยวายใส่เธอ พร้อมพูดว่า “เงินเป็นของแม่ จะใช้ยังไงก็ได้” รวมถึงพูดว่าขอโทษไปแล้ว จะเอาอะไรอีก
สิ่งเหล่านี้ยิ่งตอกย้ำความเจ็บปวดของลูกสาวคนหนึ่ง ที่อยากแค่มีพื้นที่ของตัวเองที่ไม่ถูกละเมิด แต่กลับถูกมองข้ามความรู้สึกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กรณีของ “น้องเดียว” สะท้อนปัญหาความสัมพันธ์ในครอบครัวที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อน การที่ลูกสาวต้องออกมาประกาศตัดความสัมพันธ์กับแม่แท้ๆ ไม่ใช่เรื่องธรรมดา และยิ่งตอกย้ำว่า บางครั้งสายเลือดก็ไม่สามารถเป็นเกราะคุ้มกันจากการถูกละเมิดได้ การเคารพสิทธิและขอบเขตของกันและกันจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรถูกละเลย แม้กระทั่งในครอบครัวเดียวกันเอง
Facebook Pantiwa Kaewlom,
Instagram @puntiwa.a
อ้างอิงจาก: Facebook Pantiwa Kaewlom, Instagram @puntiwa.a

















