ผลชันสูตรชัด! หนุ่มเอนฯ ดับไม่ใช่จมน้ำ แต่หัวใจล้มเหลวเพราะสารเสพติด
เปิดผลชันสูตร “น้องมาร์ค” หนุ่มเอนเตอร์เทนเสียชีวิตบนแพกลางน้ำกาญฯ พบไม่ใช่การจมน้ำ แต่หัวใจล้มเหลวจากสารเสพติด ทนายรณณรงค์จี้เอาผิด – ชี้มีเงื่อนงำเงิน 60,000 บาทเกี่ยวพันตำรวจ
กลายเป็นข่าวที่สะเทือนใจและชวนตั้งคำถามต่อสังคมเป็นอย่างมาก สำหรับกรณีการเสียชีวิตของ “น้องมาร์ค” อายุ 27 ปี หนุ่มเอนเตอร์เทนที่พบเป็นศพอยู่ในแม่น้ำบริเวณแพแห่งหนึ่งในจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 ที่ผ่านมา โดยในช่วงแรกของการรายงานข่าวนั้น สังคมยังไม่ได้รับข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับสาเหตุของการเสียชีวิต จนเกิดการตั้งข้อสงสัยมากมายจากครอบครัวและสื่อสังคมออนไลน์ ถึงเบื้องหลังของเหตุการณ์ที่ดูจะไม่ธรรมดา
ล่าสุด เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา ทนายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ซึ่งเข้ามาช่วยดูแลคดีนี้ในฐานะตัวแทนฝ่ายครอบครัวผู้เสียชีวิต ได้เปิดเผยผ่านแฟนเพจของตนว่า ผลการชันสูตรศพอย่างเป็นทางการของน้องมาร์คได้ออกมาแล้ว และผลชันสูตรชี้ชัดว่า “ผู้เสียชีวิตไม่ได้จมน้ำตาย แต่หัวใจล้มเหลวจากการใช้สารเสพติด”
จุดเปลี่ยนคดี: หัวใจล้มเหลวจากสารเสพติด ไม่ใช่การจมน้ำ
ประเด็นนี้กลายเป็นหมุดหมายสำคัญที่ทำให้คดีเริ่มมีแนวโน้มเปลี่ยนทิศทาง โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากข้อสงสัยของญาติและคำให้การของพยานบางคนที่ออกรายการโทรทัศน์มาก่อนหน้านี้ ซึ่งพูดถึงพฤติกรรมแปลกๆ ที่เกิดขึ้นในวันที่น้องมาร์คเสียชีวิต โดยมีการกล่าวอ้างว่าน้องมาร์คอาจถูกบังคับให้ใช้สารเสพติดระหว่างการรับงานเอนเตอร์เทนกับลูกค้ารายหนึ่ง ซึ่งเป็นบุคคลในกลุ่ม LGBTQ
คำถามสำคัญจึงอยู่ที่ว่า หากน้องมาร์คเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลวจากสารเสพติดบนบก แล้วเหตุใดศพของเขาจึงไปอยู่ในน้ำ? เป็นไปได้หรือไม่ว่าอาจมีใครบางคนพยายามอำพรางศพเพื่อให้ดูเหมือนว่าเป็นอุบัติเหตุ หรือเพื่อกลบเกลื่อนเบื้องหลังที่แท้จริง?
ทนายรณณรงค์เตรียมพาครอบครัวเข้าแจ้งความกองปราบ
ในโพสต์เดียวกัน ทนายรณณรงค์ระบุว่า ขณะนี้กำลังนัดผู้เสียหาย ซึ่งก็คือแม่ของน้องมาร์ค ให้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อกองบังคับการปราบปราม (กองปราบ) เนื่องจากมีประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตำรวจในพื้นที่โดยตรง โดยเฉพาะเรื่อง “เงิน 60,000 บาท” ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับใคร และใช้ทำอะไร
ทนายระบุว่า ตำรวจในพื้นที่อยากให้ผู้เสียหายเป็นฝ่ายเข้าแจ้งความเพื่อให้สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ และเมื่อผลชันสูตรออกมาแบบนี้ จึงเป็นไปได้ว่าคดีนี้จะถูกยกระดับสู่คดีฆาตกรรมหรือกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย
เสียงจากครอบครัว: ขอความเป็นธรรมให้น้องมาร์ค
ญาติของน้องมาร์คเคยให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า ลูกชายของตนไม่ใช่คนติดยา และไม่เคยมีประวัติใช้สารเสพติดมาก่อน การเสียชีวิตที่มีสารเสพติดในร่างกายจึงเป็นเรื่องที่ครอบครัวยอมรับไม่ได้ และต้องการพิสูจน์ความจริงให้ถึงที่สุด เพราะมั่นใจว่าน้องมาร์คอาจตกเป็นเหยื่อของการถูกล่อลวงหรือบีบบังคับ
ครอบครัวยังตั้งข้อสังเกตว่า ทำไมคดีถึงไม่คืบหน้าอย่างรวดเร็ว และมีข่าวลือว่าเจ้าหน้าที่บางรายมีความเกี่ยวข้องกับบุคคลที่อยู่ในเหตุการณ์ จึงทำให้เกิดความไม่ไว้วางใจในการดำเนินการของตำรวจท้องที่
สังคมตั้งคำถาม: วงการเอนเตอร์เทนและความปลอดภัยของผู้ทำงาน
กรณีของน้องมาร์คยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในวงการเอนเตอร์เทนที่ไม่มีกฎเกณฑ์ควบคุมชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อผู้ทำงานเอนฯ ต้องให้บริการในพื้นที่ส่วนตัว หรือทำงานกับลูกค้าที่ไม่รู้จักมาก่อน ยิ่งเป็นงานที่ไม่มีการจ้างงานอย่างเป็นทางการ ยิ่งทำให้ไม่มีการปกป้องสิทธิของแรงงานกลุ่มนี้ ซึ่งเปิดช่องให้เกิดการเอาเปรียบ ล่วงละเมิด หรือแม้กระทั่งอาชญากรรม
การเสียชีวิตของน้องมาร์คจึงไม่ใช่แค่เรื่องส่วนบุคคล แต่ควรเป็นกรณีศึกษาของสังคม เพื่อเรียกร้องให้เกิดมาตรการคุ้มครองผู้ทำงานในสายนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ในขณะนี้ แม้ผลชันสูตรจะยืนยันว่าผู้ตายเสียชีวิตจากหัวใจล้มเหลวอันเนื่องมาจากการใช้สารเสพติด แต่คำถามอีกมากมายยังไม่มีคำตอบ เช่น:
- ใครเป็นคนนำศพไปโยนน้ำ?
- น้องมาร์คใช้สารเสพติดเอง หรือถูกบังคับให้ใช้?
- ใครคือผู้จัดงานเอนฯ ครั้งนั้น และมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่?
- เงิน 60,000 บาทที่กล่าวถึงในคดีนี้คือเงินอะไร และไปอยู่ในมือใคร?
ทั้งหมดนี้คือประเด็นที่ต้องมีการสอบสวนเพิ่มเติม และสังคมยังคงเฝ้าติดตามด้วยความหวังว่าคดีจะได้รับความเป็นธรรม และผู้กระทำผิดจะถูกนำตัวมาลงโทษ
แม้จะเป็นเพียงคนทำงานธรรมดาในวงการที่หลายคนมองข้าม แต่น้องมาร์คก็คือ “ลูกของใครสักคน” คือ “พี่ชายของใครบางคน” และคือ “เพื่อนของใครอีกหลายคน” เขาสมควรได้รับความยุติธรรม และคดีของเขาควรถูกผลักดันให้เป็นอีกหนึ่งกรณีตัวอย่างเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมซ้ำรอยกับใครอีกในอนาคต

















