ยังไม่จบ! แม่นางกำเงินปล่อยคลิปใหม่รัวๆ ประกาศลั่น “ถ้าเลวแล้วได้ดีก็จะทำ!”
แม่นาง “กำเงิน” จุดเดือดโซเชียล! หลังปล่อยคลิปโต้กลับ-ท้าทายสังคม “ถ้าเลวแล้วได้ดี ก็ยินดีจะทำ!” ปมครอบครัวลูก 9 ทำคลิปล่อแหลม พม.ลงพื้นที่ก็ไม่หยุด
กลายเป็นประเด็นร้อนแรงที่จุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์สนั่นโลกออนไลน์ เมื่อเพจเฟซบุ๊ก “ท่านเปา” ออกมาเปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจและช็อกวงการโซเชียลเกี่ยวกับครอบครัวหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “กำาเงิน” ซึ่งประกอบไปด้วยแม่วัยเพียง 34 ปี และลูก ๆ ถึง 9 คน โดยคนเล็กสุดมีอายุเพียงแค่ 10 ขวบเท่านั้น ทว่าแทนที่จะเป็นครอบครัวธรรมดา พวกเขากลับมีพฤติกรรมเปิดกลุ่มลับ ทำคอนเทนต์แนวล่อแหลมและขายคลิปทางโซเชียล โดยมีทั้งแม่และพี่น้องในบ้านเข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวร่วมกัน!
เรื่องนี้กลายเป็นที่จับตามองอย่างหนักจากผู้ใช้โซเชียลมากมาย จนถึงขั้นที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) จ.น่าน ต้องเร่งลงพื้นที่ตรวจสอบเพื่อหาทางช่วยเหลือและหยุดยั้งพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการละเมิดกฎหมายและจริยธรรม อย่างไรก็ตาม รายงานจากเพจต้นทางเผยว่า การลงพื้นที่ของเจ้าหน้าที่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้มากนัก เพราะครอบครัวนี้ยังคงยืนยันจะใช้ชีวิตในแนวทางของตนต่อไป และไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ปะทะคารมเดือด “ต้นอ้อ” และครอบครัว “กำเงิน”
เหตุการณ์ล่าสุดที่ดันประเด็นนี้ให้พุ่งทะยานสู่ความสนใจระดับประเทศ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2568 เมื่อเพจชื่อดัง “ต้นอ้อ” ได้นัดหมายเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบและพูดคุยกับครอบครัว “กำาเงิน” โดยตรง แต่ทว่ากลับเกิดการปะทะคารมกันอย่างรุนแรงระหว่าง “น้องกำาเงิน” กับ “ต้นอ้อ” จนกลายเป็นไวรัลเพียงชั่วข้ามคืน
ความพีคไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะหลังจากเหตุการณ์วันดังกล่าว กลับมีความเคลื่อนไหวจากเพจเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า “แม่นาง กำเงิน” ซึ่งเป็นเพจของแม่ในครอบครัวดังกล่าว โดยมีการโพสต์คลิปใหม่แบบรัว ๆ พร้อมแคปชั่นที่ท้าทายสังคมอย่างหนัก เช่น
“ชีวิตฉันเป็นคนกำหนดเอง ขอเลือกทางเดินของตัวเอง ถ้าเลวแล้วได้ดี ฉันก็ยินดีจะทำ”
“ตอนนี้ 300 ก็ไป ร้อนเงิน”
“พูดเก่งไม่พอ โม๊คของเธอจนสุดจําไข่นะ 555”
“ชีวิตหนูเลือกเกิดไม่ได้ แต่หนูเลือกทางเดินของตัวเองได้ ปากท้องของแม่และน้อง ๆ ต้องอิ่ม บ้านพวกเราไม่ได้เกิดมารวย ขอบคุณที่เข้าใจนะคะ”
ข้อความเหล่านี้เรียกเสียงวิจารณ์อย่างรุนแรงจากชาวเน็ต บางรายถึงขั้นระบุว่าเป็นการ “ท้าทายศีลธรรม” และ “ไม่เกรงกลัวกฎหมาย” ขณะเดียวกันกลับมีบางส่วนที่แสดงความเห็นใจว่า ครอบครัวนี้อาจไม่มีทางเลือกและขาดการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างเพียงพอ
โลกออนไลน์แตกสองเสียง “เห็นใจ” vs “รับไม่ได้”
กรณีนี้ทำให้เกิดกระแสสองด้านอย่างชัดเจนในโซเชียลมีเดีย ด้านหนึ่งมีผู้คนที่รู้สึกไม่พอใจและผิดหวังกับพฤติกรรมของครอบครัว “กำาเงิน” ที่ดูเหมือนจะไม่สำนึกต่อคำเตือนและการช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ แม้จะมีลูกมากถึง 9 คน และอยู่ในสภาพแวดล้อมที่เปราะบาง แต่กลับเลือกใช้วิธีการเปิดกลุ่มลับและสร้างคอนเทนต์ที่เสี่ยงต่อการเข้าข่ายผิดกฎหมาย
แต่อีกด้านหนึ่งก็มีเสียงสะท้อนของผู้ที่มองว่า ครอบครัวนี้เป็นเพียงเหยื่อของโครงสร้างทางสังคมที่ล้มเหลว โดยเฉพาะในประเด็นความยากจน ความขาดแคลน และการไม่มีทางเลือกในชีวิต หลายคนจึงเรียกร้องให้รัฐมีมาตรการช่วยเหลืออย่างยั่งยืน มากกว่าการตรวจสอบเพียงครั้งคราวแล้วปล่อยให้ผู้ที่ตกอยู่ในความทุกข์ลำพัง
ความเคลื่อนไหวของภาครัฐจะเป็นอย่างไร?
ในขณะนี้ยังไม่มีคำแถลงหรือแนวทางที่ชัดเจนจากกระทรวง พม. หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมหลังการลงพื้นที่เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคมที่ผ่านมา ประชาชนหลายคนกำลังจับตามองว่า รัฐจะมีแนวทางใดในการจัดการกับกรณีนี้ ทั้งในด้านกฎหมาย การให้ความช่วยเหลือ และการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยในครอบครัวอื่น ๆ ที่อาจประสบปัญหาคล้ายกัน
คำถามที่ยังไร้คำตอบ: สังคมควรทำอย่างไรกับ “ทางเลือก” ของคนจน?
สุดท้ายแล้ว กรณีของ “แม่นาง กำเงิน” ได้จุดประกายคำถามสำคัญที่เราทุกคนในฐานะสังคมต้องร่วมกันคิดทบทวน นั่นคือ “เมื่อสังคมไม่สามารถมอบทางเลือกที่ดีกว่าให้คนยากจน พวกเขาจะเลือกทางไหน?” และ “เราจะประณามพวกเขา หรือลุกขึ้นมาร่วมสร้างระบบที่ไม่ผลักใครให้ต้องเลือกทางผิด?”
ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของครอบครัวนี้ แต่สิ่งหนึ่งที่ชัดเจนคือ เราไม่สามารถเพิกเฉยได้อีกต่อไป เพราะ “ทางเลือกของเขา” กำลังสะท้อน “ความล้มเหลวของระบบ” ที่ใหญ่กว่าตัวบุคคลเพียงคนเดียว






















