ความลังเลทางเพศที่ซับซ้อน และขั้นตอนข้ามเพศที่ยังไม่คงที่ในไทย ความพิศวงของ LGBT ไทย

เขาก็เป็นกะเทยผมยาวนี่แหละ มีนมด้วย เคยเอาอวัยวะเพศแข็งปั๋งมาถูผมด้วย แต่พอเป็นกะเทยไม่รุ่งก็เลยไปเอานมออก แล้วกลับมาเป็นเกย์อีกทีนึง

.

ประโยคสุดตื่นตาจากคดีอาชญากรรมรุนแรงของกลุ่ม LGBTQ+ ที่เป็นประเด็นในช่วงที่ผ่านมา ชวนให้เกิดการตั้งคำถามถึงกระบวนการ Transgender Surgery ในไทย ที่ดูเหมือนจะเป็นบริการทางการแพทย์ที่สะดวกสะบายราวกับหนังไซไฟ ที่นำเข้าถอดออกจากร่างกายได้ราวกับ Plug-In ที่รองรับความลื่นไหลทางเพศ หากแต่พื้นที่การระบุอัตลักษณ์ตัวตนที่ไม่ลงกรอบทางเพศ ชาย-หญิง / รุก-รับ / สาวทรานส์-หนุ่มทรานส์ นี้ในไทย มีประเด็นอะไรที่ควรคิดต่ออีกบ้าง

.

นมงูชอบเก้งผมสั้น และฉันเป็นรุก!

.

ถือเป็นการสิ้นสุดพล็อตกะเทยระทมยุค 80's แบบ "เพลงสุดท้าย" การที่ตุ๊ดหัวโปกหรือกะเทยหลงรักชายแท้ กับความอาภัพ ไม่มีวันความรักกันไม่ได้ เมื่อยุคสมัยแห่งความหลากหลายทางเพศมาถึง การออกมาเปิดเผยรสนิยมทางเพศ รวมถึงการแสดงออกที่ข้ามขั้นความเป็นชายหรือความเป็นหญิงไปแล้ว ชายแท้พูดคะ ทำเล็บเจล ชอบเป็นฝ่ายรับจากผู้หญิงแท้ในความสัมพันธ์ ส่วนทางฝั่งเกย์กลับปรากฏรุกออกสาว ส่วนรับเล่นกีฬายกเวทแมน ๆ ส่วนฝั่งสาวทรานส์ก็มีเผ่านมงูที่แปลงเพศแล้ว มีนมแล้ว แต่เหลืองูเอาไว้ ส่วนทรานส์เมนแปลงจากหญิงมาเป็นชาย แต่ก็เป็นทรานส์เมนที่ชอบผู้ชายด้วยกัน อัตลักษณ์ทางเพศที่ก้าวข้ามไปไกลจึงทำให้เส้นแบ่งชายแท้-แมน กับตุ๊ดออกสาวโดนล้อ กลายเป็นเรื่องล้าหลังไปโดยสิ้นเชิง

.

ด้วยความวิวัฒน์ของสังคมแห่งความหลากหลายทางเพศที่ไปไกลมาก รวมถึงทางกฎหมายเองด้วย ส่งผลให้ชายจริงหญิงแท้ รวมถึงกลุ่ม LGBTQ+ ที่ยังยึดติดกับมายาคติทางเพศแบบเก่าปรับตัวไม่ทันกับความก้าวหน้าทางเพศที่พลิกจากหลังเท้าเป็นหน้ามือได้ทัน และความก้าวไม่ทันกับความลื่นไหลทางเพศนี้ส่งผลให้เกิดพฤติกรรมตอบโต้ต่อกลุ่มอัตลักษณ์หลากหลายที่ต่างออกไป ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ต้องพยายามเรียนรู้กันไปตามพลวัฒน์ทางสังคมที่กำลังจะเปลี่ยน

.

แต่สิ่งที่ส่งผลมากกว่าการปรับตัวคือกลุ่ม Trangender หลายคนที่ซึมซับอคติทางสังคมมาในยุคก่อน และถูกบีบให้อยู่ในกรอบเดิมคือความเป็นชายและความเป็นหญิง และดันเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เข้ากรอบเก่าไปแล้ว เมื่อถึงเวลาที่กรอบนั้นมันโดนทลาย การจะปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่อีกครั้ง จะได้รับการยอมรับมากน้อยแค่ไหนในกลุ่ม Community ด้วยกันเอง และส่งผลต่อสภาพจิตใจและร่างกายอย่างไรบ้าง

.

เมื่อความลังเลทางเพศของ Transgender ไทย ก้าวนำไปก่อนการเปลี่ยนแปลงร่างกาย

.

ในยุคสมัยก่อน เมื่อแน่ใจว่าตัวเองไม่ใช่เพศกำเนิดแล้วอย่างแน่นอน ก็จะเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเองไปเป็นเพศตรงข้าม ซึ่งแต่ละคนก็จะเริ่มตามข้อจำกัดทางทรัพยากรของแต่ละคน สิ่งนี้ก็จะแปรผันตรงกับความเหลื่อมล้ำและอคติทางสังคมเมื่อก่อน กลุ่มทรานส์จำนวนมากบ้างก็เริ่มการเทคฮอร์โมนกันเองโดยปราศจากคำแนะนำจากแพทย์ โดยใช้คำบอกเล่าปากต่อปาก ใครมีทุนทรัพย์มาก เข้าถึงองค์ความรู้ได้มากกว่าก็จะเข้าถึงฮอร์โมนที่มีคุณภาพและตรงกับสภาพร่างกายได้มากกว่า ส่วนคนที่มีทุนทรัพย์น้อย หรือไม่มีทุนทรัพย์ก็จะต้องลองผิดลองถูกเอาเอง หรือหมดโอกาสที่จะเปลี่ยนร่างกายให้ตรงเพศตามจิตไปเลย เมื่อไร้การดูแลอย่างมีประสิทธิภาพก็จะส่งผลเสียต่อสุขภาพเป็นอย่างมาก ไล่ตั้งแต่สุขภาพกายไปถึงสุขภาพจิตของกลุ่ม Trans เลยทีเดียว

.

ด้วยค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง และการ Transgender Surgery ที่ต้องมีแพทย์อย่างน้อยสองสาขาทั้งทางร่างกายและทางจิตให้คำรับรอง เพื่อให้แน่ใจว่าเพศสภาพตรงตามจิต ซึ่งการศัลยกรรมแปลงเพศนั้นแบ่งออกเป็นสองอย่างคือ Sex Reassignment Surgery หรือ SRS ที่เป็นศัลยกรรมบริเวณเครื่องบ่งเพศเป็นหลัก กับการศัลยกรรมเสริม หรือ Auxiliary Surgery ที่หลายคนข้ามเพศเลือกทำร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายเข้ากับอัตลักษณ์ทางเพศของตัวเองมากขึ้น ประกอบไปด้วย การทำนมสำหรับชายเป็นหญิง (MTF) และการตัดหน้าอกสำหรับหญิงเป็นชาย (FTM) เป็นศัลยกรรมที่สำคัญ แต่ก็ยังไม่ใช่ 'เงื่อนไขบังคับ' ของการแปลงเพศ

.

คนข้ามเพศบางคนจึงเลือกแค่ทำนมหรือแค่ตัดหน้าอกโดยไม่แปลงอวัยวะเพศ ซึ่งขั้นตอนสำคัญของการแปลงเพศจริง ๆ คือการผ่าตัดอวัยวะเพศ (SRS) กลุ่ม Trans บางคนจึงอยู่ในพื้นที่ระหว่างขั้นตอนการ Trans ที่ยังไม่สมบูรณ์ รวมไปถึงหากจะย้อนกลับไปเพศสภาพและเพศวิถีเดิมก็ตกอยู่ในพื้นที่อีหลักอีเหลื่อ เพราะตั้งแต่ต้นทางไม่ได้มีจิตแพทย์ให้การรับรองไว้

.

ความลังเลทางเพศ และสภาวะเพศตามจิตที่ยังไม่นิ่ง ก่อเกิดเป็นพื้นที่ใหม่ของความหลากหลาย

.

ในต่างประเทศนั้น การจะข้ามเพศมีขั้นตอนที่เข้มงวดกว่า ก่อนที่จะเข้าสู่การทำศัลยกรรม เช่น ต้องใช้เวลาหลายปีในการใช้ชีวิตตามเพศทางจิตวิทยา (Real-Life Experience: RLE) ก่อนเข้ารับการผ่าตัด ก่อนการเข้าถึงฮอร์โมนมักต้องผ่านแพทย์และได้รับการตรวจร่างกายอย่างละเอียด ซึ่งต่างจากไทย ที่พอตุ๊ดหัวโปก กะเทยน้อย ขอเพียงมีเงิน มีเส้นสายแล้วก็สามารถเดินเข้าร้านขายยาและหาซื้อฮอร์โมนมากินได้เลย หรือเดินเข้าคลินิกทำนมได้เลย นอกจากร่างกายที่ต้องปรับไปเองโดยไร้คำแนะนำของแพทย์แล้ว การไม่มีจิตแพทย์รองรับก็ยิ่งทำให้เกิดภาวะความไม่มั่นคงทางจิตขึ้นมาร่วม เพราะฮอร์โมนที่รับเข้าไปไม่คงที่ เมื่อระยะเวลานานเข้าก็อาจส่งผลให้มีสภาวะทางจิตในระยะยาว รวมถึงสภาวะทางร่างกายตามมานั่นเอง

.

อย่างไรก็ตาม จากพื้นที่ความลังเลทางเพศที่ยังไม่สมบูรณ์ของการ Trans ทั้งความจงใจที่จะเป็นนมงูเอง และหนุ่มทรานส์ที่ชอบความสัมพันธ์แบบเกย์ พอใจที่อยู่ "ตรงกลาง" แบบนี้ ก็ก่อให้เกิดพื้นที่ความหลากหลายทางเพศที่ไม่อยู่ในกรอบชายหญิงและความเป็นรุกรับแต่เดิม รูปแบบอัตลักษณ์ ชุดความคิด ความสัมพันธ์โรแมนติก และความสัมพันธ์บนเตียง จนไปถึงการยอมรับทางสังคมจึงเป็นพื้นที่ใหม่ที่รอการสำรวจและยอมรับไปข้างหน้า ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าในประเทศไทย กลุ่ม Trans ในพื้นที่ตรงกลางนี้มีค่อนข้างมากกว่าประเทศอื่น ๆ จนเป็นที่เลื่องลือเลยทีเดียว

.

หากประเทศไทยสามารถสร้างความรู้ที่ถูกต้องและทำให้การข้ามเพศมันเข้าถึงง่าย กลุ่มคนข้ามเพศอาจจะได้รับข้อมูลและการดูแลเพื่อประกอบการตัดสินใจข้ามเพศได้ดีขึ้น ซึ่งปัจจุบันนี้ได้เริ่มมีการผลักดันนโยบายฮอร์โมนฟรีสำหรับคนข้ามเพศโดยรัฐ ตลอดจนเริ่มมีคลินิคที่ให้คำปรึกษาการข้ามเพศมากขึ้น แน่นอนว่าปลอดภัยและเสี่ยงน้อยกว่าแต่ก่อนแล้ว

.

ก็หวังว่าพื้นที่ของ Transgender จะถูกพูดถึงและผลักดันต่อไปในอนาคต