ช็อกตลาด! บิแองก้า เซนซอรี่ เปลือยอกเดินควงคานเย่ คนแห่จวกแรงอนาจารกลางวันแสกๆ
"บิแองก้า เซนซอรี่" ควง "คานเย่ เวสต์" เปลือยอกเดินตลาดสเปนอีกแล้ว! ชาวบ้านเดือดจัด ชี้เป็นพฤติกรรมไม่เคารพวัฒนธรรมท้องถิ่น สะเทือนใจชาวเน็ตทั่วโลก
ดูเหมือนจะไม่มีอะไรหยุดยั้งคู่รักสุดฉาวแห่งวงการบันเทิงโลกอย่าง คานเย่ เวสต์ และภรรยาคนสวย บิแองก้า เซนซอรี่ ได้เลย เมื่อล่าสุดทั้งคู่กลายเป็นประเด็นร้อนอีกครั้งในโลกออนไลน์ หลังจากมีรายงานว่า บิแองก้า ปรากฏตัวในตลาดกลางแจ้งที่เกาะมายอร์ก้า ประเทศสเปน ด้วยลุคสุดวาบหวิวที่เรียกเสียงฮือฮา...หรือจะเรียกว่าความไม่พอใจอย่างรุนแรงจากชาวบ้านก็คงไม่ผิดนัก
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา ซึ่งบิแองก้า วัย 30 ปี ที่ปัจจุบันเป็นภรรยาถูกต้องตามกฎหมายของแรปเปอร์สุดแสบวัย 47 ปี อย่างคานเย่ เวสต์ ได้สวมเสื้อชั้นในแบบซีทรูตาข่ายสีดำ ที่แทบไม่ปกปิดหน้าอกแม้แต่น้อย เดินชิลล์ๆ เลือกซื้อของตามแผงตลาด โดยมีท่อนล่างเป็นเพียงบิกินี่สีดำและผ้าคลุมบางๆ ผูกทับไว้เพียงหลวมๆ ข้างกายเธอคือคานเย่ที่สวมชุดฮู้ดมีคำว่า “Army” และกางเกงยีนส์ ยืนมองอย่างสงบเสงี่ยม ไม่ได้เข้าไปมีปฏิสัมพันธ์มากนัก ทว่า...แค่นั้นก็เพียงพอจะจุดไฟวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วงในหมู่คนในพื้นที่และโลกออนไลน์
ชาวบ้านทนไม่ไหว จวกยับ! ชี้เป็นพฤติกรรมอนาจาร-ไม่ให้เกียรติท้องถิ่น
ตามรายงานจากพยานผู้เห็นเหตุการณ์ ชาวบ้านในตลาดหลายคนถึงกับตะลึงจนพูดไม่ออก บางคนตั้งคำถามกลางตลาดว่า “นั่นหัวนมจริงของเธอหรือเปล่า?” บรรยากาศเต็มไปด้วยความอึดอัด และเสียงซุบซิบนินทาอย่างชัดเจน หลายคนรู้สึกว่าการแต่งตัวเช่นนี้แม้จะไม่ผิดกฎหมายโดยตรงในบางพื้นที่ของสเปน แต่ก็เป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่ยังคงยึดถือความสุภาพเรียบร้อย
แม้กฎหมายความเท่าเทียมแห่งแคว้นคาตาลัน จะระบุว่าผู้หญิงมีสิทธิเปลือยอกในพื้นที่สาธารณะได้ตั้งแต่ปี 2020 แต่หลายฝ่ายมองว่า สิ่งที่บิแองก้าเลือกสวมใส่ในตลาดนั้น “เกินขอบเขตของความเหมาะสม” และเป็นการสร้างความกระอักกระอ่วนใจให้แก่คนในชุมชน โดยเฉพาะครอบครัวและเด็กที่อยู่ในบริเวณนั้น
กระแสในโลกออนไลน์เดือดไม่แพ้กัน! ชาวเน็ตจี้ถาม "ทำไมยังไม่ถูกจับ?"
หลังเหตุการณ์ถูกเผยแพร่ออกไปในสื่อทั่วโลก โลกโซเชียลต่างประเทศก็ลุกฮือ หลายคนแสดงความไม่พอใจและตั้งคำถามว่า "ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงยังไม่ถูกจับข้อหาอนาจาร?" ข้อความหนึ่งในทวิตเตอร์ระบุว่า “เราเห็นทุกอย่างแล้วจริง ๆ แม้ในสิ่งที่เราไม่อยากจะเห็นเลย” ขณะที่อีกรายระบุว่า “นี่คือการดูหมิ่นประเทศเจ้าบ้านอย่างร้ายแรง” และยังมีเสียงวิพากษ์อีกมากที่เปรียบเทียบว่า “ถ้าเป็นคนธรรมดา ไม่ใช่คนดังแบบคานเย่และบิแองก้า ป่านนี้คงโดนจับไปแล้วแน่ ๆ”
ย้อนอดีตพฤติกรรมฉาว: อิตาลีก็ไม่รอด!
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่บิแองก้า เซนซอรี่ และคานเย่ เวสต์ ถูกวิพากษ์ถึงพฤติกรรมสุดโต่งของพวกเขา ย้อนไปเมื่อปี 2023 ทั้งคู่เดินทางไปเที่ยวที่ประเทศอิตาลี ซึ่งเป็นประเทศที่มีรากฐานทางวัฒนธรรมแบบคาทอลิกที่เคร่งครัด แต่กลับเลือกแต่งกายสุดวาบหวิวท้าทายสังคม โดยเฉพาะบิแองก้าที่มักสวมชุดซีทรูโชว์หน้าอก หรือกางเกงที่แหวกลึกถึงสะโพก ท่ามกลางสถานที่ท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก
ในอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่สร้างเสียงวิจารณ์อย่างหนักคือ ขณะที่คานเย่ และภรรยาอยู่บนเรือในเวนิส คานเย่กลับโชว์บั้นท้ายของตัวเองต่อหน้าผู้คนบนเรือ โดยไม่สนใจสายตานักท่องเที่ยวรอบข้าง ทั้งหมดนี้จึงกลายเป็นพฤติกรรมซ้ำซากที่สร้างความขุ่นเคืองใจแก่ประชาชนและเจ้าหน้าที่หลายประเทศ
ภาพลักษณ์ “กบฏแฟชั่น” หรือแค่ “เรียกร้องความสนใจ”?
แม้บิแองก้าจะมีดีกรีเป็นถึงสถาปนิกสาวชื่อดังจากออสเตรเลีย และเคยร่วมงานกับแบรนด์แฟชั่นหลายแห่ง แต่พฤติกรรมที่เน้น “ความเปลือย” ของเธอในช่วงหลังๆ ถูกตั้งคำถามว่าเป็น “การแสดงออกทางศิลปะ” หรือ “การเรียกร้องความสนใจ” กันแน่?
ผู้เชี่ยวชาญด้านแฟชั่นบางคนออกมาให้ความเห็นว่า บิแองก้าอาจกำลังพยายามผลักดันแนวคิด "ความเป็นอิสระของเรือนร่างผู้หญิง" และพยายามท้าทายขอบเขตของแฟชั่นและศีลธรรม อย่างไรก็ตาม การเลือกสถานที่ในการแสดงออกเช่นนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่สาธารณะของประเทศอื่นที่มีวัฒนธรรมต่างจากตะวันตก อาจส่งผลกระทบเชิงลบมากกว่าที่เธอคาดคิด
แม้จะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจากเจ้าหน้าที่ของเกาะมายอร์ก้า แต่กระแสความไม่พอใจที่เกิดขึ้นกำลังเพิ่มแรงกดดันให้หน่วยงานท้องถิ่นต้องหาทางจัดการ ทั้งในแง่ของการออกมาตรการควบคุมพฤติกรรมในพื้นที่สาธารณะ และการให้ความเคารพต่อวัฒนธรรมท้องถิ่น
หลายเสียงเรียกร้องให้มีการสอบสวนว่าการกระทำของบิแองก้าเข้าข่ายอนาจารหรือไม่ แม้กฎหมายจะเปิดช่องในบางแง่มุม แต่ภาพลักษณ์ที่ถูกสื่อสารออกไปทำให้ประชาชนจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าการกระทำของเธอคือ “การเหยียบย่ำความรู้สึกของคนทั้งประเทศ”
บทสรุปจากเหตุการณ์: ชื่อเสียงไม่ได้แปลว่ามีสิทธิพิเศษเสมอไป
กรณีของบิแองก้าและคานเย่ในครั้งนี้ได้จุดกระแสถกเถียงระดับนานาชาติอีกครั้งว่า เสรีภาพในการแสดงออก กับ ความเหมาะสมในพื้นที่สาธารณะ ควรมีเส้นแบ่งอยู่ตรงไหน? แม้โลกจะเปลี่ยนไปและแนวคิดเสรีนิยมจะได้รับการยอมรับมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกัน การเคารพต่อวัฒนธรรมและความรู้สึกของผู้อื่นก็ยังคงเป็นสิ่งที่ไม่ควรถูกละเลย
สุดท้าย แม้คานเย่และบิแองก้าจะยังเดินหน้าด้วยแนวทาง “ไม่สนโลก” ต่อไป แต่โลกออนไลน์และสังคมโดยรวมก็ยังคงตั้งคำถามต่อการกระทำของพวกเขาทุกครั้งที่พวกเขาก้าวออกจากบ้าน







