การค้าประเวณีในอินโดนีเซีย ประวัติศาสตร์อันซับซ้อนและปัญหาร่วมสมัย
การค้าประเวณีในอินโดนีเซียมีรากฐานลึกในประวัติศาสตร์ ย้อนกลับไปตั้งแต่ยุคก่อนอาณานิคม หลักฐานจากเอกสารจีนสมัยราชวงศ์ถังและบันทึกเก่าแก่ของชวาบ่งชี้ถึงการมีอยู่ของผู้ให้บริการทางเพศ รวมถึงรูปแบบของการที่ผู้หญิงถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินที่ถูกซื้อขายเพื่อประโยชน์ต่างๆ โดยผู้ปกครองในสมัยนั้น
ปัจจุบัน แม้การค้าประเวณีจะถือเป็นการกระทำที่ผิดศีลธรรมและผิดกฎหมายในอินโดนีเซีย แต่ก็ยังคงแพร่หลาย ข้อมูลปี 2019 ระบุว่ามีโสเภณีหญิงในอินโดนีเซียถึง 230,000 คน โดย 30% เป็นผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าเป็นห่วง ปัจจัยทางเศรษฐกิจ เป็นแรงผลักดันสำคัญ หลายคนสามารถสร้างรายได้จำนวนมากจากการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม การถูกบังคับและตกเป็นเหยื่อของการค้ามนุษย์ ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้หลายคนต้องเข้าสู่วังวนนี้
ในยุคอาณานิคมตะวันตก ความต้องการบริการทางเพศเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากจากจำนวนชายโสดยุโรปที่เข้ามา การแต่งงานระหว่างเจ้าอาณานิคมกับหญิงพื้นเมืองถูกห้าม แต่การมีนางบำเรอได้รับการยอมรับ ส่งผลให้การค้าประเวณีเฟื่องฟู โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัตตาเวีย (จาการ์ตา) แม้รัฐบาลอาณานิคมจะพยายามควบคุม แต่ในที่สุดก็ต้องออกกฎหมายทำให้การค้าประเวณีถูกกฎหมายในปี 1852 โดยมีการขึ้นทะเบียน ตรวจสุขภาพ และควบคุมอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม การควบคุมที่มากเกินไปกลับนำไปสู่การเกิดการค้าประเวณีผิดกฎหมายที่ต้องการหลีกเลี่ยงกฎระเบียบ
บทบาทในการต่อสู้เพื่อเอกราช
ในช่วงสงครามมหาเอเชียบูรพา (1942-1945) และการยึดครองโดยญี่ปุ่น เศรษฐกิจตกต่ำอย่างหนัก ผู้หญิงจำนวนมากถูกบังคับให้เป็น "Comfort Women" หรือทาสบำเรอกามให้กับทหารญี่ปุ่น หลังสงครามโลกครั้งที่สอง ในช่วงการปฏิวัติแห่งชาติอินโดนีเซีย (1945-1949) กลุ่มคนที่ถูกมองว่าเป็นอาชญากร รวมถึงโสเภณี ได้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อเอกราช โดยมีหน่วย "BWP" หรือ "หน่วยหญิงโสเภณี" ที่มีหน้าที่ล้วงข้อมูลจากทหารดัตช์ นอกจากนี้ สถานค้าประเวณียังถูกใช้เป็นสถานที่ประชุมลับของผู้นำนักชาตินิยมเพื่อหลีกเลี่ยงการสอดแนม
ความซับซ้อนหลังได้รับเอกราช
หลังอินโดนีเซียได้รับเอกราชในช่วงทศวรรษ 1960-1970 การพัฒนาเมืองและการหลั่งไหลของแรงงานทำให้ผู้หญิงจำนวนมากที่มีการศึกษาน้อยต้องหันมาประกอบอาชีพค้าบริการ การซื้อบริการทางเพศไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในซ่อง แต่ขยายไปสู่สถานที่ต่างๆ เช่น ร้านนวด หรือร้านเสริมสวย
ปัจจุบัน กฎหมายอินโดนีเซียไม่ได้ห้ามการค้าประเวณีโดยตรง แต่มีหลายมาตราในประมวลกฎหมายอาญาและกฎหมายท้องถิ่นที่สามารถนำมาใช้เอาผิดได้ เช่น การกระทำอนาจารกับผู้เยาว์ การค้าประเวณีเป็นอาชีพ หรือการแสวงหาผลประโยชน์จากการค้าประเวณี อย่างไรก็ตาม ยังมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ากฎหมายและการบังคับใช้ยังอ่อนแอ ไม่สอดคล้องกัน และเน้นการกดดันผู้หญิงเท่านั้น ทำให้เกิดคำถามว่าการทำให้ถูกกฎหมายพร้อมการกำกับดูแลที่เหมาะสมอาจเป็นทางออกที่ดีกว่าหรือไม่ เพื่อปกป้องผู้เกี่ยวข้องและควบคุมปัญหาได้ดีขึ้น






