แฟนคลับเดือดอินฟลูเวียดนาม หลัง เสริมหน้าอก ทั้งที่เคยบอกว่า “มั่นใจใน เรือนร่าง"

ดราม่า "รักมากก็โกรรมาก" คลารา ด่าว อินฟลูสาวเวียดนามถูกแฟนคลับถล่ม หลังผ่าตัดหน้าอก ทั้งที่เคยเป็นกระบอกเสียงหญิงอกเล็ก

โลกโซเชียลกำลังร้อนระอุจากประเด็นที่หลายคนคาดไม่ถึง เมื่อ "คลารา ด่าว" (Clara Dao) อินฟลูเอนเซอร์สาวชาวเวียดนาม-แคนาดา ผู้โด่งดังจากการสร้างแรงบันดาลใจเรื่อง “ความมั่นใจในร่างกายของผู้หญิงอกเล็ก” ได้กลายเป็นเป้าหมายของเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก หลังมีภาพเผยให้เห็นว่าเธอเข้ารับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก

จากไอคอนแห่งความมั่นใจ สู่ดราม่าศัลยกรรมที่โลกไม่อภัย

คลารา ด่าว วัย 27 ปี เริ่มต้นเส้นทางอินฟลูเอนเซอร์ในปี 2019 ด้วยการเปิดช่อง YouTube และบัญชีโซเชียลมีเดียที่เน้นเนื้อหาเกี่ยวกับ การรักและยอมรับรูปร่างของตัวเอง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้หญิงที่มีหน้าอกเล็ก ซึ่งมักจะถูกสังคมกดดันให้รู้สึก “ไม่สมบูรณ์”

ในวิดีโอของเธอ คลาราเคยเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาถึงประสบการณ์การถูกล้อ ถูกบูลลี่ตั้งแต่วัยเด็กว่าเป็น “ผู้หญิงแบน” แต่เมื่อเติบโต เธอเริ่มเข้าใจว่า “รูปร่างไม่ควรเป็นข้อจำกัดในการได้รับความรักและการเคารพ” เธอกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงจำนวนมากที่รู้สึกไม่มั่นใจในรูปร่าง และมีผู้ติดตามเธอบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ มากถึง กว่า 4.2 ล้านคน

เธอไม่ใช่แค่ Influencer ธรรมดา แต่ยังเป็นกระบอกเสียงสำคัญของแนวคิด Body Positivity และเคยได้รับการนำเสนอในสื่อใหญ่ของเวียดนามในฐานะสตรีที่กล้าพูด กล้าแสดงออก และยืนหยัดในสิทธิของผู้หญิง

คลื่นพัดกลับอย่างแรง เมื่อภาพหน้าอกใหม่ถูกเผยแพร่

แต่แล้วในเดือนเมษายนที่ผ่านมา คลื่นดราม่าก็ถาโถมใส่เธออย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อแฟนคลับและผู้ติดตามจำนวนมากเริ่มสังเกตเห็นว่า หน้าอกของคลาราเริ่มมีความเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ดูมีความโค้งเว้ามากขึ้นจากภาพล่าสุด จนมีการตั้งข้อสงสัยว่าเธอเข้ารับการผ่าตัดเสริมหน้าอก ซึ่งความสงสัยนั้นก็กลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ทันที

สิ่งที่ตามมาคือการตั้งคำถามอย่างรุนแรงจากแฟนคลับและชาวเน็ตที่เคยสนับสนุนเธอ ไม่ใช่แค่เรื่องรูปลักษณ์ แต่เป็นเรื่อง “ความไว้ใจ” หลายคนรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง และมองว่าเธอ “พูดอย่างทำอย่าง” หรือถึงขั้น “ทรยศต่ออุดมการณ์” ที่เธอเคยยืนหยัด

หนึ่งในความคิดเห็นที่รุนแรงถึงกับระบุว่า

 "นี่เราจะเพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าเธอใช้เราเป็นเครื่องมือหาเงินค่าทำนมงั้นเหรอ? คุณไม่อายบ้างเลยเหรอ?"

อีกคนประชดอย่างเจ็บแสบว่า

 “แล้วต่อไปจะทำอะไร? พยายามระดมทุนผ่าตัดสมองเหรอ?”

คำอธิบายที่ไม่สามารถดับไฟในใจแฟนคลับ

ในการตอบโต้เสียงวิจารณ์ คลาราออกมาชี้แจงผ่านโพสต์ว่า การศัลยกรรมครั้งนี้เป็นเรื่อง “เพื่อความสนุก” และเป็น “การเลือกของเธอ” โดยไม่ใช่การละทิ้งคุณค่าที่เธอเคยพูดถึงในอดีต

 "ความจริงก็คือ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร ผู้คนก็มักจะหาจุดให้พูดอยู่เสมอ คุณควรทำในสิ่งที่คุณต้องการ คุณได้รับอนุญาตให้เติบโต เปลี่ยนแปลง และต้องการสิ่งต่าง ๆ ในแต่ละช่วงของชีวิต"

เธอยังกล่าวอีกว่า

 "คุณไม่จำเป็นต้องเป็นตัวคุณในอดีตสำหรับใคร คุณเพียงแค่ต้องเป็นอิสระที่จะเป็นตัวคุณอย่างแท้จริง"

แต่คำชี้แจงเหล่านี้ กลับไม่สามารถทำให้เสียงวิจารณ์เบาลงได้ แถมยังมีคนไปขุดว่าเธอลบวิดีโอเก่า ๆ ที่เคยสนับสนุนเรื่องการต่อต้านการทำให้ร่างกายของผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศออกจากช่องของเธอไปอย่างเงียบ ๆ จนยิ่งเป็นการตอกย้ำข้อกล่าวหาเรื่อง “หลอกลวง” ให้หนักขึ้นไปอีก

แฟนคลับแห่เลิกติดตาม – โลกออนไลน์แตกออกเป็นสองฝั่ง

ผลจากดราม่าครั้งนี้ทำให้คลาราสูญเสียผู้ติดตามจำนวนมาก บางคนถึงกับประกาศ "เลิกติดตาม" อย่างเป็นทางการ เพราะรู้สึกว่าเธอไม่จริงใจ และทำให้รู้สึกว่าแนวคิดที่เคยยึดถือร่วมกับเธอนั้นเป็นเพียงเปลือก

 “สิ่งที่ฉันเห็นตอนนี้คือคนที่หลอกลวง ตอนแรกเธอเทศนาเรื่องความมั่นใจในเรือนร่าง แต่แล้วก็ทำตรงกันข้าม”

 “เธอคือภาพจำในตำราเรียนของคำว่า ‘พูดอย่างทำอย่าง’” – ชาวเน็ตจีนคนหนึ่งแสดงความเห็น

ในขณะเดียวกัน ก็มีผู้ติดตามอีกจำนวนหนึ่งที่พยายามเข้าใจและให้กำลังใจเธอ โดยบอกว่า "ทุกคนมีสิทธิในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง" และ "การเปลี่ยนแปลงไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่มันเกิดจากความสมัครใจ"

คำถามที่ใหญ่กว่านั้นคือ… สังคมให้สิทธิผู้หญิงเปลี่ยนแปลงตัวเองได้จริงหรือไม่?

กรณีของคลารา ด่าว จึงกลายเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจว่า “เมื่ออินฟลูเอนเซอร์เปลี่ยนไปจากสิ่งที่พวกเขาเคยเป็น… ผู้ติดตามยังมีสิทธิอะไรต่อพวกเขาอยู่หรือไม่?”

คำถามนี้ไม่ได้มีแค่ด้านความรู้สึก แต่ยังสะท้อนถึง ความคาดหวังของสังคม ที่บางครั้งไม่อนุญาตให้ผู้หญิง “เปลี่ยนใจ” ได้เลย โดยเฉพาะถ้าพวกเธอเคยเป็น "ตัวแทน" ของคุณค่าอะไรบางอย่างในสายตาผู้คน

คลาราอาจจะเพียงต้องการเปลี่ยนแปลงรูปลักษณ์ของตัวเองในแบบที่เธอรู้สึกดี แต่นั่นกลับถูกมองว่าเป็นการทรยศต่อความเชื่อที่เธอเคยสร้างขึ้นด้วยตัวเอง

บางทีบทเรียนสำคัญจากเรื่องนี้อาจไม่ใช่แค่เรื่องศัลยกรรม หรือความไว้ใจของแฟนคลับ แต่อยู่ที่คำถามปลายเปิดว่า:

 “ในโลกที่ทุกคนต่างเปลี่ยนแปลงได้ ทำไมผู้หญิงคนหนึ่งถึงถูกตัดสินอย่างรุนแรง เพียงเพราะเธออยากเปลี่ยนแปลงร่างกายของตัวเอง?”

หากคุณมีความคิดเห็นต่อกรณีนี้ คุณอยู่ในฝ่ายเข้าใจ หรือรู้สึกถูกหักหลัง?

ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองกันได้ในคอมเมนต์ด้านล่าง