13 ศพในเงามืด คดี Night Stalker ที่เปลี่ยนโฉมหน้าลอสแอนเจลิส
ในคืนวันที่ 17 มีนาคม 1985 ลอสแอนเจลิสถูกปกคลุมด้วยความเงียบอันร้อนระอุ และในความเงียบนั้นเอง "Night Stalker" ก็เริ่มออกล่า นักสืบ กิล คาริโอ เริ่มสังเกตเห็นความเชื่อมโยงของคดีฆาตกรรมสองคดีในคืนเดียวกัน: เดน โอกาซากิ และ เวโรนิกา ยู เหยื่อถูกยิงด้วยปืนขนาดเดียวกัน ไม่มีทรัพย์สินหายไป และไม่มีแรงจูงใจที่ชัดเจน สิ่งที่น่าตกใจคือคำให้การของ มาเรีย เฮอร์นันเดซ ผู้รอดชีวิต เธอบอกว่าคนร้ายมี กลิ่นแปลกคล้ายกลิ่นศพ และ ดวงตาที่ไม่ใช่มนุษย์ เบาะแสชิ้นแรกที่พบคือหมวกแก๊ปวง ACDC ที่เขียนว่า "Highway to Hell" ซึ่งเป็นเหมือนข้อความท้าทายจากฆาตกร
เพียง 10 วันต่อมา ฆาตกรกลับมาอีกครั้งในย่านวิเทียร์ สังหาร วินเซนซา ซาซารา และ แม็กซีน ซาซารา ภรรยาของเขา แม็กซีนถูกแทงซ้ำหลายครั้งและ ดวงตาทั้งสองข้างหายไป บ้านถูกรื้อค้นแต่ไม่มีของมีค่าถูกขโมย รอยเท้า Avia ขนาด 11 ครึ่ง ถูกพบในที่เกิดเหตุ ซึ่งตรงกับรอยเท้าในบ้านของมาเรีย เฮอร์นันเดซ หลักฐานนี้ทำให้คาริโอและนักสืบอาวุโส แฟรงค์ ซาเลโน เริ่มเชื่อว่าทั้งหมดเชื่อมโยงกัน
วันที่ 10 พฤษภาคม ฆาตกรเริ่มแสดงออกถึงแรงจูงใจที่เกี่ยวข้องกับซาตานในคดีของสองพี่น้อง เมเบล เบลล์ และ ฟลอเรนซ์ แลนด์ ที่มอนโรเวีย ฟลอเรนซ์ถูกทุบตีอย่างโหดร้าย และมี เครื่องหมายรูปดาว 5 แฉก ถูกวาดด้วยลิปสติกสีแดงบนต้นขา ผนังบ้านมีคำว่า "Satan" และสัญลักษณ์เพนตาแกรม รอยรองเท้า Avia ขนาด 11 ครึ่ง ยังคงเป็นลายเซ็นของเขา ความหวาดกลัวเริ่มแผ่กระจายไปทั่วเมือง และชื่อ "Night Stalker" ก็เริ่มเป็นที่รู้จัก
ความโหดเหี้ยมของฆาตกรเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในคดีของ วิลเลียม และ ลิเลียน ดอย ลิเลียนถูกบังคับให้ สาบานต่อซาตาน ก่อนถูกข่มขืน แม้ทรัพย์สินจะไม่ถูกแตะต้องก็ตาม คำให้การของลิเลียนที่ว่าคนร้ายมีกลิ่นตัวแรง ฟันไม่ครบ และไม่สวมถุงมือ เป็นข้อมูลสำคัญ
ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นเมื่อ วิทนีย์ เบนเน็ต วัย 16 ปี รอดชีวิตจากการถูกทำร้ายอย่างโหดร้ายในเซียรา มาดอน แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม รอยเท้า Avia ยังคงเป็นหลักฐานสำคัญ ในคดีของ โซฟี ดิกแมน เธอถูกบังคับให้พูดว่า "ฉันรักซาตาน" และสามารถจำรายละเอียดของคนร้ายได้ดี ทำให้ตำรวจสามารถจัดทำ ภาพสเก็ตฆาตกร ได้ ซึ่งเป็นภาพของชายผิวเข้ม ผมยาว ฟันห่าง และมีแผลเป็นที่โหนกแก้มขวา
จุดเปลี่ยนสำคัญของคดีเกิดขึ้นในมิชชัน วิเอโฮ เมื่อ เจมส์ โรเมโร วัย 13 ปี สังเกตเห็นคนร้ายและรถยนต์ที่ใช้หลบหนี รวมถึงจำ เลขทะเบียนบางส่วน ได้ ตำรวจตามรอยจนพบรถยนต์ Toyota Station Wagon และพบ ลายนิ้วมือ บนกระจกมองหลัง ซึ่งตรงกับ ริชาร์ด มูน รามิเรซ ชายที่มีประวัติอาชญากรรม
วันที่ 28 สิงหาคม ภาพถ่ายของรามิเรซถูกเผยแพร่ไปทั่วแคลิฟอร์เนีย ในเช้าวันที่ 31 สิงหาคม 1985 รามิเรซถูกประชาชนจำได้จากภาพข่าวขณะอยู่ในร้านสะดวกซื้อ และถูกไล่ล่าโดยฝูงชน ก่อนที่ตำรวจจะเข้าควบคุมตัวเขาไว้ได้สำเร็จ
ในที่สุด ริชาร์ด รามิเรซ ถูกตัดสินประหารชีวิตในปี 1989 ด้วยข้อหาฆาตกรรม 13 ราย ข่มขืน ลักพาตัว และความผิดทางเพศอีกกว่า 30 กระทง เขาไม่เคยสำนึกผิดและยังคงพูดถึงซาตาน จนกระทั่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งในปี 2013 ชื่อของเขาในฐานะ "Night Stalker" ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกลัวที่ทำให้ผู้คนในแคลิฟอร์เนียต้องปิดหน้าต่างแม้ในคืนที่ร้อนที่สุด






















