กล้ามแขน เส้นเลือด และไรขน ในบางมุมของความเป็นเกย์
จะว่าไป ถ้าพูดถึงเรื่องแรงดึงดูดระหว่างผู้ชายด้วยกัน หลายคนคงนึกถึงหน้าตา กล้าม ฟีลลิ่งเวลาเจอกันในชีวิตจริงหรือแอป แต่สิ่งที่โผล่มาแบบชัดมากในทุกบทสนทนา คือ “กล้ามแขน เส้นเลือด ขนรักแร้” ที่ไม่ว่าจะยุคไหน สไตล์ไหน มันยังคงเป็นจุดที่เรียกความสนใจจากคนอย่างพวกเราได้อยู่ดี และถ้ามองลึกลงไปกว่านั้น เรื่องพวกนี้ไม่ใช่แค่รสนิยม แต่มีพื้นฐานทางชีววิทยาและพฤติกรรมมนุษย์อยู่ด้วย
กล้ามแขนไม่ใช่แค่เรื่องรูปร่าง แต่มันคือภาษากายที่สื่อถึงความแข็งแรง ความมั่นคง และความสามารถในการ “ดูแล” ใครสักคนได้จริงๆ งานวิจัยของ Swami กับ Tovée บอกเลยว่า กลุ่มผู้ชายที่ชอบเพศเดียวกันจะชอบสัดส่วนที่มีกล้ามพอดี ดูแน่น มีพลัง แต่ยังเป็นธรรมชาติ ไม่โอเวอร์จนหลุดความจริง (Swami & Tovée, 2008, Perceptions of Physical Attractiveness, หน้า 212–215) มันคือภาพของผู้ชายที่ใช้ร่างกายจริง ไม่ได้แค่แต่งกล้ามมาโชว์
เส้นเลือดที่ปูดขึ้นตามแขน ก็ยิ่งทำให้กล้ามดูมีชีวิต มีพลังมากขึ้น ถ้าพูดแบบเข้าใจง่ายๆ มันเหมือนเครื่องหมายของคนที่ใช้ร่างกายอย่างมีวินัย ฟิตจริง ไม่ใช่สร้างภาพ และในมุมของวิวัฒนาการ มันคือสัญญาณว่าผู้ชายคนนี้ร่างกายดี แข็งแรง ไขมันต่ำ กล้ามชัด ซึ่งเป็นสิ่งที่สมองเราถอดรหัสได้แม้ไม่รู้ตัว (Clifton et al., 2015; Giofrè et al., 2025)
แต่สิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่พูดตรงๆ คือเรื่อง “รักแร้” เพราะหลายคนยังเขินจะยอมรับว่าแค่เห็นขนตรงนั้น หรือได้กลิ่นผู้ชายจริงๆ หลังออกกำลังกาย มันทำให้ใจเต้นได้แค่ไหน สารที่ชื่อว่า androstadienone (AND) ซึ่งมีอยู่ในเหงื่อผู้ชาย จะส่งผลโดยตรงต่อสมองส่วนที่เกี่ยวกับความรู้สึกดึงดูดโดยไม่รู้ตัว โดยเฉพาะในคนที่ชอบเพศเดียวกัน (Savic et al., 2005, Proc. Royal Society B)
งานวิจัยอื่นเสริมด้วยว่า สมองของคนที่ชอบเพศเดียวกันจะตอบสนองกับ AND ด้วยการกระตุ้นระบบโดปามีน ทำให้รู้สึกดี หลงใหล หรืออยากเข้าใกล้ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้สัมผัสตัวกันเลยด้วยซ้ำ (Hummer & McClintock, 2009, Hormones and Behavior, หน้า 548–559) นี่แหละที่ทำให้แค่เดินผ่านแล้วได้กลิ่นเฉพาะตัวของใครบางคน มันอาจทำให้เราจำเขาไม่ลืม
ความดิบ ความแมน ความฟังก์ชันของร่างกาย มันคือเสน่ห์ที่พวกเราอ่านออกได้จากสายตา กลิ่น หรือแม้แต่โทนเสียง ทุกอย่างที่ทำให้รู้สึกว่า “เขาคนนี้ของจริง” ไม่ใช่เพราะเราชอบความหยาบ แต่เพราะเราชอบความแท้ ความมีอยู่จริงที่ไม่ต้องเสแสร้ง
ในหลายๆ งานวิจัยที่สัมภาษณ์กลุ่มชายรักชายและไบเซ็กชวล มีแนวโน้มชัดเจนว่าเสน่ห์ที่ดึงดูดคือความแข็งแรง ความแมนพอดี และภาษาร่างกายที่มั่นใจ ไม่ประดิษฐ์ ไม่ปลอม (Frederick & Fales, 2016, Archives of Sexual Behavior) ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเชื่อมโยงกับสัญญาณทางกายภาพอย่างที่พูดมา—กล้าม เส้นเลือด ขน กลิ่น
ไม่ใช่แค่เรื่องของตาเห็น แต่ยังรวมถึงแรงสั่นสะเทือนบางอย่างที่รู้สึกได้เลยว่า “อยากจับ อยากกอด อยากปกป้อง” ซึ่งความรู้สึกนี้จริงจังกว่าคำว่าเซ็กซี่ แต่มันคือแรงกระตุ้นทางสัญชาตญาณ และสำหรับคนที่ชอบบทบาทรุกหลายๆ คน มันคือจุดที่ตัดสินว่า “จะเข้าหาไหม” ด้วยซ้ำ
จะว่าไปก็ไม่แปลกเลยที่เวลามีการสำรวจว่าเกย์และไบเซ็กชวลชอบอะไรในตัวผู้ชายอีกคน ความเป็นธรรมชาติ ความฟิต และกลิ่นเฉพาะตัวมักมาเป็นอันดับต้นๆ แซงหน้าความหล่อ หรือฐานะไปแบบไม่ต้องสืบ เพราะมันคือของจริงที่รู้สึกได้ ไม่ใช่แค่ดูผ่านจอ
และทั้งหมดนี้มันไม่ได้หยุดแค่แรงดึงดูดชั่ววูบ แต่พาเราไปไกลกว่านั้น—ไปถึงพื้นที่ในหัวที่เงียบแต่ร้อน แฟนตาซีทางเพศของคนรุกหลายคนมักเริ่มจากสิ่งที่ “เห็น” แล้วกลายเป็นสิ่งที่ “อยากทำ” กับเขาคนนั้น กล้ามแน่น เส้นเลือดพอง ขนรักแร้ดิบๆ ไม่ใช่แค่ของตกแต่ง แต่คือภาพตั้งต้นของฉากในหัวที่ร่างกายกำลังเคลื่อนไหว กล้ามแน่นนั้นจับแน่น เสียงหายใจชัด เสียงตัวกระแทกเบาๆ กับเตียง เส้นเลือดเต้นตามแรงบีบ และกลิ่นเหงื่อที่มัน “จริง” จนจินตนาการของเราทำงานต่อได้เองทั้งหมด มันคือการเปิดพื้นที่ให้ sex ไม่ใช่แค่การปลดปล่อย แต่เป็นการดำดิ่งลงไปในร่างกายผู้ชายอีกคน แบบที่ไม่ได้อยากแค่ “เข้าไป” แต่ “อยากอยู่ในนั้น” แบบเต็มตัว
การ oral sex กับผู้ชายที่มีกลิ่นเหงื่อจริงๆ หลังออกกำลังกาย หรือกลิ่นรักแร้เฉพาะตัว มันไม่ใช่แค่ประสบการณ์ทางกายภาพ แต่มันกระตุ้นสมองในระดับที่คล้ายกับการได้รับ “สารเร้าอารมณ์” จากธรรมชาติเลยทีเดียว งานวิจัยพบว่า androstadienone มีผลกระตุ้นระบบ limbic ซึ่งควบคุมอารมณ์และความใคร่โดยตรง ทำให้หลายคนที่ชอบกลิ่นนั้น รู้สึกเหมือนโดนปลุกเร้าทางเพศทันที (Bensafi et al., 2003, NeuroReport) ความรู้สึกเวลาที่ลิ้นสัมผัสกับกล้ามที่ตึงหรือกลิ่นจากผิวจริงๆ นั้น มันคือประสบการณ์ที่ลึกกว่าการมอง มันคือการ “รับรู้ตัวตนของอีกฝ่ายผ่านประสาทสัมผัสทั้งหมด” และมันคือสิ่งที่แฟนตาซีไม่สามารถเลียนแบบได้
อ้างอิงจาก:
Swami, V. & Tovée, M. (2008). Perceptions of Physical Attractiveness, หน้า 212–215.
Savic, I., Berglund, H. & Lindström, P. (2005). "Brain response to putative pheromones in homosexual men", Proceedings of the Royal Society B.
Hummer, T.A. & McClintock, M.K. (2009). Hormones and Behavior, 55(4), หน้า 548–559.
Frederick, D. & Fales, M. (2016). “Preferences for Physical Attractiveness vs. Personality Across Relationship Contexts,” Archives of Sexual Behavior.
Clifton, R. et al. (2015); Giofrè, V. et al. (2025). Evolutionary Signals in Mate Selection.
Bensafi, M. et al. (2003). "Sex Differences in the Brain Response to a Putative Human Pheromone", NeuroReport, 14(4), หน้า 589–593.

















