เอเลนา ลุเครเซีย คอร์นารो: สตรีผู้ทลายกำแพงวงการวิชาการแห่งศตวรรษที่ 17
เอเลนา ลุเครเซีย คอร์นารो: สตรีผู้ทลายกำแพงวงการวิชาการแห่งศตวรรษที่ 17
ในยุคที่ผู้หญิงถูกจำกัดบทบาทเพียงการเป็นแม่บ้าน กลับมีสตรีผู้หนึ่งที่พิสูจน์ว่าเพศสภาพไม่ใช่ข้อจำกัดของความ brilliance! นี่คือเรื่องราวของ เอเลนา ลุเครเซีย คอร์นารо พิสโคเปีย สาวน้อยผู้กลายเป็นผู้หญิงคนแรกของโลกที่ได้รับปริญญาเอกด้านปรัชญา!
เด็กอัจฉริยะผู้พูดได้ 7 ภาษา
เอเลนาเกิดในปี 1646 ที่เวนิส ตระกูลคอร์นารอเป็นตระกูลขุนนางผู้มั่งคั่ง ตั้งแต่เด็กนางแสดงให้เห็นถึงความสามารถอันน่าทึ่ง เมื่อบาทหลวง Giovanni Fabris เพื่อนครอบครัวสังเกตเห็นแววอัจฉริยะ จึงแนะนำให้เธอได้เรียนวิชาการระดับสูง
ผลลัพธ์? ในวัยเพียง 7 ขวบ เอเลนาครองความเชี่ยวชาญ ภาษาละตินและกรีก แถมยังพูดฝรั่งเศสกับสเปนได้คล่องแคล่ว ไม่นานเธอก็เพิ่มภาษาฮีบรูและอาหรับเข้าไป จนได้รับฉายา "Oraculum Septilingue" หรือ "เทพพยากรณ์เจ็ดภาษา"!
ความสามารถรอบด้านที่ทำให้โลกตะลึง
ไม่ใช่แค่ภาษาศาสตร์ที่เอเลนาถนัด เธอยังเป็นนักดนตรีมืออาชีพที่เล่นเครื่องดนตรีได้หลากหลายทั้ง:
- ฮาร์ปซิคอร์ด
- คลาวิคอร์ด
- ฮาร์ป
- ไวโอลิน
เมื่อเข้าสู่วัยยี่สิบต้นๆ ความสนใจของเธอขยายไปสู่ ฟิสิกส์ ดาราศาสตร์ และภาษาศาสตร์ งานเขียนทางปรัชญาของ Carlo Rinaldini อาจารย์ของเธอ ตีพิมพ์ในปี 1668 โดยอุทิศให้เอเลนาวัย 22 ปี!
การต่อสู้เพื่อปริญญาที่โลกบอกว่า "ผู้หญิงเอาไม่ได้"
ในปี 1678 เมื่อเอเลนาพยายามขอรับปริญญาด้านเทววิทยา คาร์ดินัล Gregorio Barbarigo บิชอปแห่งปาดัวปฏิเสธโดยตรงด้วยเหตุผลว่า "เธอเป็นผู้หญิง" แต่สุดท้ายก็ยอมให้เธอสอบปรัชญาแทน
วันที่ 25 มิถุนายน 1678 จึงเป็นวันประวัติศาสตร์ เมื่อเอเลนากลายเป็นสตรีคนแรกของโลกที่ได้รับ ปริญญาเอกปรัชญา ในพิธีอันยิ่งใหญ่ที่มหาวิหารปาดัว โดยมีผู้เข้าร่วมจากมหาวิทยาลัยทั่วอิตาลี!
"เธอไม่ใช่แค่ผู้หญิงคนแรกที่ได้รับปริญญาเอก แต่เป็น living proof ว่าสติปัญญาไม่มีเพศ!"
ชีวิตบั้นปลายและมรดกทางวิชาการ
7 ปีสุดท้ายของชีวิตเอเลนาอุทิศให้กับการศึกษาและการกุศล เธอจากไปในปี 1684 ด้วยวัยเพียง 38 ปีจากวัณโรค แต่เรื่องราวของเธอยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้สตรีทั่วโลก
ทุกวันนี้ มหาวิทยาลัยปาดัวยังคงเก็บรักษาเอกสารและสิ่งของส่วนตัวของเธอ รวมถึงเก้าอี้ที่เธอนั่งสอบปริญญาเอก ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อความเท่าเทียมทางการศึกษา
เรื่องราวของเอเลนาคอร์นารอสอนเราว่า ไม่มีกำแพงใดสูงพอที่จะกั้นขวางความ thirst for knowledge ที่แท้จริง เธอไม่เพียงเปลี่ยนประวัติศาสตร์การศึกษา แต่ยังทิ้งคำถามสำคัญให้สังคม: "เรากำลังสูญเสียอัจฉริยะอีกกี่คน เพียงเพราะอคติทางเพศ?"





