คดีสะเทือนขวัญ! ลูกสะใภ้กล่าวหาพ่อสามีล่วงละเมิดทางเพศ สุดท้ายจบลงด้วยโศกนาฏกรรม และไร้ข้อสรุป
คดีสะเทือนขวัญในไต้หวันได้สร้างความตกตะลึงให้กับสังคม เมื่อลูกสะใภ้รายหนึ่งกล่าวหาพ่อสามีว่าล่วงละเมิดทางเพศตน แม้จะพยายามขัดขืนด้วยการกราบไหว้แล้วก็ตาม เรื่องราวกลับจบลงอย่างน่าเศร้า เมื่อทั้งคู่และสามีของเธอเสียชีวิตลงอย่างต่อเนื่อง ทิ้งไว้เพียงปริศนาและคดีที่ต้องดำเนินต่อไปโดยปราศจากพยานหลักฐาน
เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อลูกสะใภ้ในเมืองนิวไทเปกล่าวหาว่าถูกพ่อสามีล่วงละเมิดทางเพศในช่วงตรุษจีน เธออ้างว่าพยายามขัดขืนด้วยการคุกเข่าสวดมนต์ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เธอได้โพสต์ข้อความบนโซเชียลมีเดียถึงเหตุการณ์นี้ แต่พ่อสามีปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมด โดยทนายความของเขาระบุว่าลูกสะใภ้มีพฤติกรรมติดยาเสพติด และอาจสร้างเรื่องขึ้นเนื่องจากความไม่พอใจที่ถูกตักเตือน
เรื่องราวกลับพลิกผันเมื่อลูกสะใภ้และสามีของเธอเสียชีวิตลงในเวลาไล่เลี่ยกัน รายงานระบุว่าลูกสะใภ้มีประวัติการใช้สารเมทแอมเฟตามีน ดื่มสุรา และป่วยเป็นโรคซึมเศร้า มีแนวโน้มที่จะทำร้ายตัวเอง เธอและสามีมีปากเสียงกันเรื่องเงิน และทั้งคู่ต่างก็ทำร้ายตัวเอง ก่อนที่เธอจะตกลงมาจากที่พักเสียชีวิตในคืนนั้น และสามีของเธอก็เสียชีวิตในลักษณะเดียวกันในวันรุ่งขึ้น
เนื่องจากทั้งลูกสะใภ้และสามีของเธอเสียชีวิตไปแล้ว ทำให้ไม่สามารถนำตัวมาสอบสวนในศาลได้ พ่อสามีจึงได้รับการตัดสินให้พ้นผิดในข้อหาล่วงละเมิดทางเพศ ศาลระบุว่าพยานหลักฐานที่มีอยู่ไม่เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้ว่าจำเลยได้กระทำการล่วงละเมิดทางเพศจริง อีกทั้งข้อกล่าวหาของลูกสะใภ้ยังขาดรายละเอียดที่ชัดเจนเกี่ยวกับเวลา สถานที่ และวิธีการเกิดเหตุการณ์ ศาลชี้ว่าคำกล่าวอ้างของลูกสะใภ้บนโซเชียลมีเดียและที่บอกเล่าให้เพื่อนและญาติฟังนั้นเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวที่อาจไม่เป็นความจริง
แม้ว่าอัยการจะยื่นอุทธรณ์ แต่ศาลสูงก็ได้ยืนยันคำตัดสินของศาลชั้นต้น โดยให้เหตุผลว่าไม่มีข้อผิดพลาดในการพิจารณาคดี ทำให้คำตัดสินให้พ่อสามีพ้นผิดยังคงอยู่
คดีนี้เป็นเครื่องเตือนใจถึงความซับซ้อนของคดีที่เกี่ยวข้องกับการล่วงละเมิดทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพยานหลักฐานถูกจำกัด และผู้เสียหายไม่สามารถให้การได้ การเสียชีวิตของทั้งลูกสะใภ้และสามี ทำให้คดีนี้ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีวันไขกระจ่าง และทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดและความสงสัยในหมู่ผู้ที่เกี่ยวข้อง

















