เบื้องหลัง "Lust, Caution" ฉากรัก, ข้อถกเถียง "การเล่นจริง" และรอยแผลที่ยังคงอยู่ของนักแสดง
ในปี 2006 หลี่อัน ผู้กำกับภาพยนตร์มากฝีมือ ได้ตัดสินใจครั้งสำคัญระหว่างการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง "Lust, Caution" เล่ห์ราคะ (色戒) ที่พลิกโฉมหน้าของการถ่ายทำไปอย่างสิ้นเชิง เขาได้สั่ง "เคลียร์พื้นที่" ปล่อยให้มีเพียง เหลียงเฉาเหว่ย (梁朝偉), ทังเหวย (湯唯) และช่างภาพเท่านั้นที่อยู่ในฉาก แสงไฟสลัวลง กล้องค่อยๆ ซูมเข้าไปในจังหวะที่กระดุมชุดกี่เพ้าหลุดออกทีละเม็ด ฉากนี้เข้าสู่จุดตึงเครียดที่สุด
ในฉากดังกล่าว เหลียงเฉาเหว่ย ในบท คุณยี่ พุ่งเข้าใส่ทังเหวยราวกับสัตว์ป่า มือข้างหนึ่งบีบคอเธอแน่น อีกมือหนึ่งรีบปลดเข็มขัดมารัดข้อมือของทังเหวยไว้ ทังเหวยดิ้นรนอย่างสุดกำลัง หายใจหอบถี่ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ไหลอาบใบหน้า หยดลงบนเสื่อทาทามิ หลี่อันที่เฝ้าหน้าจอมอนิเตอร์ถึงกับกลั้นหายใจ เขารู้ดีว่านี่ไม่ใช่แค่การแสดง แต่เป็นช่วงเวลาที่นักแสดงทั้งสองค่อยๆ หลอมรวมเป็นตัวละคร ราวกับไม่มีขอบเขตระหว่างกัน ในความสั่นสะท้านและความตึงเครียด พวกเขาเปลือยเปล่าต่อกัน
ฉากนี้ใช้เวลาถ่ายทำถึง 13 ครั้ง กว่าหลี่อันจะเอ่ยปากว่า "ผ่าน" เมื่อสิ้นเสียง เหลียงเฉาเหว่ยและทังเหวยโอบกอดกันร้องไห้ มีรายงานว่าก่อนเริ่มการถ่ายทำ ทีมงานได้จัดหานักแสดงตัวแทนมาให้เหลียงเฉาเหว่ย แต่เขาปฏิเสธ เพราะต้องการก้าวข้ามขีดจำกัดในอดีตด้วยตัวเอง ย้อนไปในภาพยนตร์เรื่อง "Happy Together" โลกนี้รักใครไม่ได้นอกจากเขา (春光乍泄) เหลียงเฉาเหว่ยเคยแสดงได้อย่างไม่เต็มที่ในบางฉาก หว่องกาไวเลือกที่จะถ่ายทำในมุมกว้างเพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความท้าทายเหล่านั้น และปมในใจนี้ก็ไม่เคยได้รับการแก้ไข ดังนั้น เมื่อถึงคราวถ่ายทำ "Lust, Caution" เขาจึงตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยวที่จะแสดงทุกฉากด้วยตัวเอง โดยไม่มีนักแสดงตัวแทน รายละเอียดทุกส่วนในภาพยนตร์ราวกับซ่อนนัยยะสำคัญไว้
อย่างไรก็ตาม หลังจาก "Lust, Caution" ออกฉาย สิ่งที่ผู้ชมให้ความสนใจมากที่สุดกลับเป็นคำถามว่า เหลียงเฉาเหว่ย และ ทังเหวย มี "การแสดงจริง" ในภาพยนตร์หรือไม่ ข้อสงสัยนี้ได้จุดประเด็นถกเถียงอย่างรวดเร็วบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการให้สัมภาษณ์ภายหลังภาพยนตร์ออกฉาย เหลียงเฉาเหว่ยได้ตอบด้วยตัวเองว่า "เมื่อมีการสัมผัสทางกาย ก็เป็นการแสดงจริงอย่างแน่นอน" ซึ่งยิ่งทำให้ความอยากรู้อยากเห็นของชาวเน็ตพุ่งสูงขึ้นไปอีก ถึงขนาดมีการเผยแพร่ภาพหน้าจอความละเอียดสูงที่นาทีที่ 37 ของภาพยนตร์ ซึ่งดูเหมือนจะมีรอยนูนเป็นวงกลมบนร่างกายของเหลียงเฉาเหว่ย ภาพหน้าจอนี้ถูกแชร์ต่อถึง 460,000 ครั้ง โดย 46% ของผู้ชมเชื่อว่านี่คือหลักฐานของการ "แสดงจริง"
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือจากแหล่งข่าวที่อ้างว่าเป็นทีมงานที่ไม่ประสงค์ออกนามว่า นักแสดงได้ลงนามในข้อตกลงก่อนการถ่ายทำ โดยไม่ได้ระบุว่าจริงหรือปลอม ขณะที่ผู้ช่วยผู้กำกับภาพยนตร์ได้ออกมาอธิบายว่า สิ่งที่เห็นเป็นเพียงเทปที่สะท้อนแสง ซึ่งเป็นเทคนิคการถ่ายทำที่ใช้กันทั่วไปในภาพยนตร์เรตสาม แต่คำอธิบายของเขากลับไม่ได้รับความสนใจมากนัก เขายิ้มอย่างขมขื่นว่า "ผู้ชมยอมเชื่อเรื่องโกหกที่ยั่วยวน มากกว่าจะยอมรับพลังของการแสดง"
หลังจากภาพยนตร์ออกฉาย ทังเหวย โด่งดังเป็นพลุแตกจาก "Lust, Caution" แต่สิ่งที่ตามมาคือพายุโหมกระหน่ำ โฆษณาของเธอถูกยกเลิก สัญญาแสดงถูกยกเลิก แม้กระทั่งบนเวทีละครเวทีก็ไม่มีที่ให้เธอยืน จินซิง พิธีกรชื่อดังถึงกับตั้งคำถามด้วยความโกรธในรายการว่า "ทำไมต้องแบนทังเหวย? ถ้ามีความสามารถก็ไปแบนหลี่อันกับเหลียงเฉาเหว่ยสิ ภาพยนตร์ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่ถ่าย" แต่การตั้งคำถามจากภายนอกไม่ได้เป็นการท้าทายที่โหดร้ายที่สุด สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ หลังจากภาพยนตร์ถ่ายทำเสร็จสิ้น เถียนอวี่ คู่หมั้นของทังเหวยได้ดูภาพยนตร์ฉบับไม่ตัดต่อ และตัดสินใจขอเลิก เขาให้สัมภาษณ์ว่า "ในฐานะนักแสดง ผมเคารพเธอ แต่ในฐานะแฟน ผมรับไม่ได้" การจบความสัมพันธ์ครั้งนี้ทำให้ทังเหวยถอนหายใจว่า "เขาดีกับฉันที่สุดแล้ว แต่โชคชะตาก็หมดลง"
จนถึงวันนี้ 18 ปีผ่านไปนับตั้งแต่ "Lust, Caution" ออกฉาย แต่ผู้คนก็ยังคงพูดถึงภาพยนตร์เรื่องนี้ หลี่อันได้กล่าวในอัตชีวประวัติของเขาว่า แก่นแท้ที่แท้จริงของ "Lust, Caution" อยู่ที่บทบาทของ คุณยี่ ที่เหลียงเฉาเหว่ยแสดง ซึ่งถอดเสื้อคลุมของสุภาพบุรุษออก เผยให้เห็นด้านของสัตว์ร้าย ขณะที่ หวังเจียจือ ที่ทังเหวยแสดง ก็ถอดหน้ากากของความชอบธรรมออก เผยให้เห็นความเปราะบางที่โหยหาความรัก ในช่วงเวลานี้เองที่อาจเป็นหัวใจหลักของภาพยนตร์
เหลียงเฉาเหว่ยเปิดเผยในการสัมภาษณ์ภายหลังว่า ในระหว่างการถ่ายทำเขาเป็นโรคกลัวที่แคบ และแม้หลังจากถ่ายทำภาพยนตร์เสร็จสิ้น สุขภาพของเขาก็ทรุดโทรมลงอย่างมาก ส่วนทังเหวยก็ผอมลงถึง 5 กิโลกรัม เนื่องจากการถ่ายทำที่หนักหน่วง แม้ว่าประเด็น "การแสดงจริง" จะกลายเป็นจุดสนใจ แต่ภาพยนตร์เองก็ก้าวข้ามการถกเถียงผิวเผินเหล่านี้ไปนานแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหวังเจียจือร้องเพลง "นักร้องสาวพเนจร" (天涯歌女) และคุณยี่หลั่งน้ำตา อารมณ์ความปรารถนาได้ยกระดับไปสู่การไถ่ถอนซึ่งกันและกันของจิตวิญญาณ


















