ไวรัสซ่อนในน้ำลาย! เหยื่อ ‘เจ๊หงส์’ ติดเชื้อ ‘เอชไพโลไร’ หมอเตือนอันตรายถึงชีวิต
🔥 ดราม่า “เจ๊หงส์” กับโรคร้าย H. pylori เชื้อแบคทีเรียร้ายแรงที่ติดต่อผ่านปากสู่ปาก และอาจพาไปถึง "มะเร็งกระเพาะอาหาร"!
เรื่องอื้อฉาวที่สะเทือนโซเชียลจีนอย่างรุนแรงในช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 2568 กลายเป็นประเด็นที่คนทั่วเอเชียให้ความสนใจอย่างล้นหลาม เมื่อ สื่อ South China Morning Post รายงานข่าวการจับกุมชายวัย 38 ปี ชาวจีนจากเมืองหนานจิง มณฑลเจียงซู ผู้ที่คนไทยรู้จักกันดีในนาม “เจ๊หงส์” หลังถูกเปิดโปงว่าได้ แต่งกายเป็นหญิง และมีความสัมพันธ์ทางเพศกับชายหนุ่มกว่า 1,691 คน แถมยัง อัดคลิปขณะมีเพศสัมพันธ์และอัปโหลดลงกลุ่มลับบนโซเชียล สร้างความตื่นตะลึงไปทั่วทั้งประเทศ
แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าเรื่องพฤติกรรม คือมีชายคนหนึ่งที่เคยมีความสัมพันธ์กับ “เจ๊หงส์” ได้ออกมาเปิดเผยว่า ติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) ซึ่งเป็นแบคทีเรียร้ายแรงที่สามารถ ติดต่อผ่านน้ำลายหรือทางปากสู่ปาก ได้อย่างแท้จริง
🧬 H. pylori คืออะไร? ทำไมถึงอันตราย?
Helicobacter pylori หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า H. pylori เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่อาศัยอยู่ใน กระเพาะอาหารของมนุษย์ โดยสามารถอยู่รอดได้แม้จะอยู่ในสภาวะที่มีกรดสูง ซึ่งปกติแล้วแบคทีเรียส่วนใหญ่ไม่สามารถทนได้
เมื่อเข้าสู่ร่างกาย มันจะเคลื่อนตัวไปยัง เยื่อบุกระเพาะอาหาร แล้วใช้เอนไซม์ที่ชื่อว่า ยูรีเอส (urease) เพื่อเปลี่ยนยูเรียในกระเพาะให้กลายเป็น แอมโมเนีย ช่วยให้สภาพแวดล้อมรอบตัวแบคทีเรียนั้นเป็นกลางจากกรด ทำให้มันสามารถรอดอยู่ในกระเพาะได้นานนับปี
ที่ร้ายกาจคือ H. pylori ไม่ได้เป็นแค่แบคทีเรียธรรมดา แต่มันยังปล่อย “สารพิษ” ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เช่น
CagA – สารพิษที่เพิ่มความเสี่ยงต่อการกลายพันธุ์ของเซลล์ จนนำไปสู่มะเร็งกระเพาะอาหาร
VacA – ทำให้เซลล์เยื่อบุผนังกระเพาะอาหารตายลง และเสี่ยงต่อการเกิดแผล
🧪 การติดต่อของเชื้อ H. pylori: ไม่ใช่แค่ "จูบ" ธรรมดา
ช่องทางที่ H. pylori สามารถติดต่อได้มีดังนี้:
1. ปากสู่ปาก (Oral-Oral Route):
แม้จะฟังดูไม่น่าเชื่อ แต่การ “จูบ” ก็สามารถเป็นพาหะของเชื้อนี้ได้ โดยเฉพาะถ้ามี แผลในปาก, น้ำลายปริมาณมาก, การดูดลิ้นรุนแรง หรือมีสุขอนามัยในช่องปากต่ำ
2. อุจจาระสู่ปาก (Fecal-Oral Route):
เส้นทางนี้พบบ่อยในเด็กและครอบครัวที่อยู่ร่วมกันใกล้ชิด หากใคร ล้างมือไม่สะอาด แล้วจับอาหารป้อนให้คนอื่น หรือ ทำอาหารแล้วปนเปื้อนเชื้อจากอุจจาระ ก็มีโอกาสติดได้
3. ใช้ของร่วมกันกับผู้ติดเชื้อ:
เช่น แปรงสีฟัน, ช้อน, จาน, หลอดดูด หรือแม้กระทั่ง “ออรัลเซ็กซ์” ก็สามารถเป็นพาหะได้ถ้าร่างกายมีบาดแผลหรือมีเชื้อสะสมอยู่ในช่องปาก
⚠️ อาการของผู้ติดเชื้อ H. pylori
อาการของผู้ติดเชื้อ H. pylori มักจะไม่รุนแรงในช่วงแรก หรืออาจไม่มีอาการเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปอาจพัฒนาเป็นโรคต่าง ๆ ได้ เช่น
ปวดท้องเรื้อรัง
ท้องอืด แน่นท้อง
แผลในกระเพาะอาหาร
แผลในลำไส้เล็กส่วนต้น
กระเพาะอักเสบเรื้อรัง
มะเร็งกระเพาะอาหาร
มะเร็งต่อมน้ำเหลืองของกระเพาะ (MALT Lymphoma)
🧬 ทำไม “เจ๊หงส์” ถึงกลายเป็นประเด็นใหญ่นัก?
เนื่องจากพฤติกรรมของเจ๊หงส์ มีเพศสัมพันธ์กับชายมากกว่า 1,691 คน โดยไม่ได้ป้องกัน และมีการ ถ่ายคลิปวิดีโอไว้ ทำให้สาธารณชนกังวลว่าเชื้อ H. pylori และโรคติดต่อทางเพศอื่น ๆ อาจแพร่กระจายวงกว้าง โดยเฉพาะหากมีผู้ติดเชื้อแล้วไม่รู้ตัว
และจากการเปิดเผยของ “หมอแล็บแพนด้า” หรือ ทนพ.ภาคภูมิ เดชหัสดิน ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคการแพทย์ ยังระบุว่า กรณีของเจ๊หงส์เป็นหนึ่งในเคสที่สะท้อนให้เห็นถึงภัยเงียบของ H. pylori อย่างชัดเจนที่สุด
👩⚕️ การวินิจฉัยและการรักษา H. pylori
วิธีการตรวจหาเชื้อ H. pylori:
1. ตรวจลมหายใจ (Urea Breath Test) – แม่นยำสูง
2. ตรวจอุจจาระ
3. การส่องกล้องกระเพาะพร้อมเก็บชิ้นเนื้อ
4. ตรวจเลือดหาภูมิคุ้มกัน (ไม่แม่นเท่าไหร่ เพราะบ่งชี้แค่เคยติด)
การรักษา H. pylori:
การรักษาทำได้โดยใช้ “ยาปฏิชีวนะร่วมกับยาลดกรด” เช่น
Amoxicillin + Clarithromycin + PPI (Omeprazole หรือ Lansoprazole)
เป็นสูตรที่นิยมมากที่สุด
ใช้เวลารักษาเฉลี่ยประมาณ 14 วัน
ห้ามหยุดยาเองเด็ดขาด
📛 สรุป: ความจริงที่ควรรู้เกี่ยวกับเชื้อ H. pylori และพฤติกรรมเสี่ยง
กรณีของ “เจ๊หงส์” เป็นอุทาหรณ์สำคัญที่สะท้อนให้เห็นว่า พฤติกรรมที่ไม่มีการป้องกัน ไม่เพียงแค่เสี่ยงโรคทางเพศสัมพันธ์เท่านั้น แต่ยังเสี่ยงโรคแบคทีเรียจากปากสู่ปาก ที่ร้ายแรงถึงขั้นมะเร็ง ได้อีกด้วย
คำแนะนำสำคัญ:
✅ หมั่นตรวจสุขภาพระบบทางเดินอาหาร
✅ อย่าละเลยอาการปวดท้องเรื้อรัง
✅ หลีกเลี่ยงการใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น
✅ ล้างมือให้สะอาดเสมอก่อนกินอาหาร
✅ มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย
หากคุณชอบบทความนี้ อย่าลืมกดแชร์ และช่วยกันรณรงค์การป้องกันโรคติดต่อในทุกช่องทางนะครับ ✨








