สังหารผู้นำศัตรู = จบสงคราม?
ระหว่างเจรจากับลอบสังหาร อะไรคือทางออกแท้จริงเมื่อโลกเข้าสู่สงคราม
ทุกครั้งที่เกิดสงคราม สิ่งที่หลายคนอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่า ทำไมเราไม่สังหารผู้นำประเทศที่เริ่มสงครามไปเลย การจบปัญหาก็จะง่ายขึ้นไม่ใช่หรือ? ซึ่งความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะมีปัจจัยหลายๆอย่าง ที่เราไม่สามารถทำวิธีการแบบนั้นได้ ไม่ว่าจะเรื่องของกฎหมาย จริยธรรม ความเป็นไปได้ทางการเมือง และ ผลกระทบที่ตามมา
หากอ้างอิงตามสถานการณ์ในปัจจุบัน เรื่องการปะทะกันตามแนวชายแดน ระหว่างไทย-กัมพูชา เมื่อการเจรจาไม่ได้ผล และ กัมพูชา เป็นฝ่ายเริ่ม ไทยมีสิทธิที่จะป้องกันตนเอง และ จำกัดอยู่ในวงแคบ เพื่อไม่ให้เป็นการกระทบในพื้นที่อยู่อาศัยของประชากร ไทยไม่สามารถทำการใดๆ ที่มากไปกว่านี้ หรือ หมายถึง การสังหารผู้นำ เพื่อยุติปัญหา หากไทยทำ แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? ซึ่งเกิดผลลัพธ์ที่น่าหนักใจตามมาอย่างแน่นอน เช่น การละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ถือเป็นการรุกรานอธิปไตยของรัฐ ซึ่งผิดหลักของ UN การกระทำเช่นนี้อาจถูกจัดว่าเป็น อาชญากรรมสงคราม และ ไทยจะสูญเสียความชอบธรรมในเวทีโลก อาจจะเผชิญ การคว่ำบาตร หรือ แรงกดดันจากนานาชาติ มีผลเสียทางเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคง และ จะเป็นการกระทำที่จุดชนวนสงครามเต็มรูปแบบ ถูกลงโทษในเวทีโลก แต่ไม่ได้หมายความว่าการตอบโต้ของไทยโดยทางทหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทางเลือกที่ดีกว่า ควรจะเน้นในเรื่องของการทูต การเจรจา เพื่อลดความรุนแรงระหว่างประเทศ
การสังหารผู้นำประเทศ ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้เสมอ ถึงแม้ว่า คำสั่งดำเนินการจะขึ้นอยู่กับผู้นำประเทศแต่เพียงผู้เดียว แต่ผู้นำประทศไม่ได้ทำงานเพียงคนเดียว มีทั้งระบบกองทัพ ที่ปรึกษา และโครงสร้างอำนาจ การโค่นผู้นำอาจจะดูเหมือนจบปัญหา แต่ในความเป็นจริง อาจจะได้ผู้นำคนใหม่ที่โหดกว่า เกลียดชังโลกยิ่งกว่าเดิม หรือไม่ก็ทำให้ประเทศนั้นเข้าสู่ความวุ่นวายจนควบคุมไม่ได้
บางประเทศมีระบบป้องกันความปลอดภัยสำหรับผู้นำประเทศระดับสูงมาก เช่นกองกำลังพิเศษ อุโมงค์หลบภัย ทำให้การลอบสังหารแทบเป็นไปไม่ได้ และ ถ้าถูกจับได้ ประเทศนั้นอาจจะถูกตอบโต้ด้วยการโจมตีที่หนักกว่า รุนแรงกว่า กลายเป็นสงครามบานปลาย ที่ยากจะจบ ถ้าการสังหารผู้นำประเทศ เพื่อยุติความขัดแย้ง ก็จะนำไปสู่ โลกที่ไร้กฎหมายและเสถียรภาพ กลายเป็นสงครามที่ไม่ยึดถือหลักมนุษยธรรมและสันติภาพอีกต่อไป
ความขัดแย้งระหว่างประเทศเกิดขึ้นได้เสมอ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ควรหันหน้าเพื่อการเจรจา ดีกว่าการใช้กำลัง ในอดีตที่ผ่านมา ไทยและกัมพูชา มีเหตุปะทะกันเล็กน้อย แต่ไทยเลือกใช้วิธี ฟ้องศาลโลก แทนการทำสงคราม เพราะไทยให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระยะยาว ความมั่นคงระดับภูมิภาค และ ภาพลักษณ์ในเวทีโลก และ ในครั้งนี้ กัมพูชาเลือกที่จะใช้ความรุนแรงก่อน ไทยไม่ผิดที่ตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิของตนเอง แต่ควรควบคุมไม่ให้สถานการณ์บานปลายไปมากกว่านี้ เพราะจะมีผลเสียมากกว่าผลดีในหลายๆ ด้าน สันติภาพที่ได้จากการเจรจา แม้ใช้เวลา แต่ก็ไม่มีการสูญเสียใดๆ ที่ต้องแลกมา
งดจ้าง vs เลิกจ้าง ต่างกันยังไง? ไม่เข้าใจมีสิทธิ “พัง” แบบไม่รู้ตัว!
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
หวยปีใหม่ 2568 — ส่องแนวทาง “เลขเด็ด” จากหลายสำนักดัง เคาะแล้ว!
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก
เปิดตำนาน "ไซยาไนด์": จากความบังเอิญทางศิลปะ สู่สารพิษพลิกประวัติศาสตร์โลก
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
สัตว์กินพืชที่อันตรายที่สุด
นักท่องเที่ยวสวมแว่นอัจฉริยะ คุกคามโสเภณีไทย ก่อนนำคลิปไปเผยแพร่บนโซเชียล
ถอดรหัสบุคลิกภาพสุดขั้ว: ทำความรู้จัก "ไซโคพาธ" จากกรณีศึกษาในซีรีส์ Mouse
คนถนัดซ้ายมี IQ สูงกว่าคนที่ถนัดขวา ทั้งยังมีพรสวรรค์5อย่างที่คนถนัดขวาเทียบไม่ติด
คฤหาสน์ 5 พันล้านของอดีตนางเอกดังกลายเป็น "รังแมลงสาบ" พร้อมเผยภาพสุดขนลุก




