เปิดเรื่องราวสุดช็อก สาว 22 ปี เป็นโรคนมยักษ์ (Gigantomastia) หน้าอกใหญ่เท่าแตงโม
สำหรับผู้หญิงหลายคน การมีหน้าอกที่อวบอิ่มอาจเป็นความใฝ่ฝัน แต่สำหรับ ทายนารา มาร์คอนเดส (Thaynara Marcondes) หญิงสาวชาวบราซิลวัย 22 ปี กลับต้องเผชิญกับฝันร้ายที่เกิดจากขนาดหน้าอกที่ขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานทั้งกายและใจ เรื่องราวของเธอเผยให้เห็นถึงผลกระทบของ "โรคนมยักษ์" (Gigantomastia) ที่แม้จะหายาก แต่กลับส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
เมื่อต้นปี 2024 ทายนาราเริ่มสังเกตเห็นว่าหน้าอกของเธอมีขนาดใหญ่ขึ้นอย่างผิดปกติ โดยมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเกือบ 0.7 กิโลกรัมต่อเดือน ในตอนแรกเธอไม่ได้ให้ความสำคัญมากนัก จนกระทั่งน้ำหนักหน้าอกรวมสองข้างพุ่งสูงถึง 12 กิโลกรัม และขนาดของหน้าอกแต่ละข้างใหญ่เท่าแตงโม ทำให้เสื้อผ้าไซส์ M ที่เคยใส่พอดี กลับกลายเป็นว่าแม้แต่เสื้อไซส์ใหญ่ก็ไม่สามารถสวมใส่ได้ เธอถึงกับต้องตัดเสื้อผ้าเอง และการหาชุดที่ใส่ได้กลายเป็นเรื่องที่น่าหงุดหงิดและบั่นทอนกำลังใจอย่างยิ่ง
หน้าอกที่ใหญ่เกินไปได้ส่งผลกระทบอย่างมากต่อการใช้ชีวิตประจำวันของทายนารา เธอต้องทนทุกข์กับอาการปวดคอและหลังอย่างต่อเนื่อง แม้แต่กิจวัตรง่ายๆ เช่น การตัดเล็บเท้า ผูกเชือกรองเท้า กวาดบ้าน หรือทำอาหาร ก็กลายเป็นเรื่องยากลำบาก บางครั้งเธอถึงกับต้องใช้รถเข็นเพื่อช่วยในการเคลื่อนที่ นอกจากความเจ็บปวดทางกายแล้ว เธอยังต้องเผชิญกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์จากสายตาของผู้คน และที่เลวร้ายที่สุดคือการถูกพนักงานร้านค้ากล่าวหาว่าขโมยของ เพราะเข้าใจผิดว่าเธอซ่อนสินค้าไว้ที่หน้าอก
ด้วยความกังวลว่าอาจเป็นโรคมะเร็งเต้านม ทายนาราจึงเข้ารับการตรวจวินิจฉัย และพบว่าเธอเป็นโรคหายากที่เรียกว่า "Gigantomastia" หรือ "โรคนมยักษ์" ซึ่งมีรายงานผู้ป่วยทั่วโลกเพียงประมาณ 300 รายเท่านั้น สาเหตุของโรคนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด แต่เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่ส่งผลให้เซลล์กล้ามเนื้อขยายตัว และเต้านมมีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วและไม่สามารถควบคุมได้
เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดในโรงพยาบาลเอกชนสูงเกินกว่าที่ทายนาราจะรับไหว เธอจึงตัดสินใจขอความช่วยเหลือผ่านรายการโทรทัศน์ ซึ่งช่วยให้เธอระดมทุนได้เกือบ 7,200 ดอลลาร์สหรัฐ และ เธอได้เข้ารับการผ่าตัดลดขนาดหน้าอกที่ใช้เวลานานถึง 10 ชั่วโมง โดยแพทย์สามารถตัดเนื้อเยื่อเต้านมส่วนเกินออกไปได้ถึง 10 กิโลกรัม
หลังจากการผ่าตัด แม้ว่าหน้าอกของเธอจะไม่มีความรู้สึกและไม่สามารถให้นมบุตรได้ แต่ทายนารากลับพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้เป็นอย่างยิ่ง เธอกล่าวด้วยความสุขว่า "ฉันมีความสุขมาก เวลาส่องกระจก ฉันอดไม่ได้ที่จะคิดว่า 'ว้าว ฉันสวยขึ้นมากเลย'" เธอไม่ต้องทนกับการถูกจ้องมองด้วยสายตาแปลกๆ อีกต่อไป และด้วยความมั่นใจที่กลับคืนมา เธอจึงพูดติดตลกว่า "ตอนนี้ฉันพร้อมที่จะเริ่มต้นความรักแล้ว" และตั้งตารอที่จะได้สวมชุดว่ายน้ำไปเที่ยวทะเลอีกครั้ง
แม้ว่าเธอจะต้องเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงของหน้าอกเป็นประจำ และแพทย์ได้เตือนว่าหากหน้าอกมีขนาดใหญ่ขึ้นอีกในอนาคต เธออาจจำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเต้านมทั้งสองข้างออก แต่สำหรับทายนาราแล้ว การผ่าตัดครั้งนี้คือจุดเริ่มต้นของชีวิตใหม่ที่เต็มไปด้วยความสุขและอิสรภาพที่เธอไม่เคยมีมาก่อน

















