คดีฉาวสิงคโปร์ ผัว-เมียติดคุก! สมคบคิดหลอกเงินชู้รักกว่า 5.9 ล้านบาท อ้างลงทุนอสังหาฯ
เรื่องราวสุดซับซ้อนของความรัก ความหลอกลวง และอาชญากรรมได้เปิดเผยขึ้นที่สิงคโปร์ เมื่อคู่สามีภรรยาถูกตัดสินว่ามีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกงชายชู้ของภรรยา โดยหลอกเงินไปกว่า 220,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5.9 ล้านบาท) อ้างว่าเป็นเงินมัดจำสำหรับการซื้ออสังหาริมทรัพย์ 7 ยูนิต
คดีนี้เริ่มต้นขึ้นจากนายหวัง จื้อเหว่ย อดีตนายหน้าอสังหาริมทรัพย์วัย 50 ปี และนางสาวเจิ้ง เหม่ยหลิง ภรรยาของเขา วัย 49 ปี ซึ่งเป็นแม่บ้าน ทั้งคู่ยังคงความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาหลังเกิดเหตุการณ์ โดยนายหวังเคยทำงานเป็นนายหน้าอสังหาริมทรัพย์ระหว่างปี 1999 ถึง 2006 ก่อนจะผันตัวมาเป็นแรงงานรับจ้างทั่วไป
เหยื่อในคดีนี้คือชายวัย 48 ปี ผู้ซึ่งมีความสัมพันธ์ชู้สาวกับนางสาวเจิ้งมานานกว่า 4 ปี ตั้งแต่ปี 2014 ถึง 2017 พวกเขารู้จักกันตั้งแต่ปี 2010 และที่น่าประหลาดใจคือนายหวังไม่รู้เลยว่าภรรยาของเขานอกใจไปมีความสัมพันธ์กับชายคนนี้ ในขณะที่ฝ่ายชายชู้รู้ดีว่านายหวังคือสามีของนางสาวเจิ้ง
ในเดือนกันยายน 2015 นางสาวเจิ้งได้ดำเนินการตามแผนการของสามี โดยบอกกับชายชู้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังซบเซา แต่มีผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เสนอขายคอนโดมิเนียมที่ขายไม่ออกในราคาพิเศษให้กับนายหน้าเท่านั้น เธออธิบายว่าสามีของเธอเคยเป็นนายหน้า จึงสามารถโอนเงินให้เธอเพื่อนำไปให้นายหวังซื้อยูนิตเหล่านั้นได้ นางสาวเจิ้งรับประกันว่ายูนิตเหล่านี้จะถูกนำไปขายต่อในราคาที่สูงขึ้น และจะได้รับผลตอบแทนภายใน 3 เดือน ซึ่งอาจสูงถึงกว่า 1.71 ล้านดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 45 ล้านบาท)
ด้วยความหลงเชื่อ ชายชู้ได้โอนเงินรวม 220,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ให้แก่นางสาวเจิ้ง ระหว่างเดือนกันยายนถึงพฤศจิกายนปีเดียวกัน โดยอ้างว่าเป็นเงินมัดจำสำหรับซื้อคอนโดมิเนียม 7 ยูนิต นายหวังเพียงแค่ให้เอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษรบางส่วนและภาพหน้าจอของเอกสารสิทธิเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ 7 ยูนิตแก่ชายชู้
เมื่อถึงเดือนมกราคมปีถัดมา ชายชู้ยังคงไม่ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน เขาจึงเริ่มสงสัยและสอบถามนางสาวเจิ้ง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน จนกระทั่งเดือนมีนาคม 2017 ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็สิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม ชายชู้เพิ่งจะตัดสินใจแจ้งความกับตำรวจในปี 2019 หลังจากนั้นอีก 2 ปี
ล่าสุด ศาลได้ตัดสินให้ทั้งคู่มีความผิดฐานสมรู้ร่วมคิดฉ้อโกง โดยนายหวังถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 4 เดือน และนางสาวเจิ้งถูกจำคุก 2 ปี 1 เดือน นอกจากนี้ นายหวังยังถูกสั่งให้ชดใช้เงินคืนแก่เหยื่อเป็นจำนวน 210,000 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ประมาณ 5.6 ล้านบาท) แม้ว่าทนายความของจำเลยจะขอให้ศาลลดโทษจำคุกและยกเลิกคำสั่งให้ชดใช้ค่าเสียหายก็ตาม
คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงอันตรายของการตกเป็นเหยื่อของการฉ้อโกง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ส่วนตัวที่ไม่ชอบมาพากล และยังเป็นอุทาหรณ์เตือนใจให้ระมัดระวังการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง และตรวจสอบข้อมูลให้รอบคอบก่อนตัดสินใจเสมอ





















