การเดินทางศึกษาดูวัฒนธรรม ศิลปะรอบตัวในโรงแรมในไทย
การเดินทางท่องเที่ยวศึกษาเรียนรู้วัฒนธรรมในครั้งแรก
พานักศึกษาในชาติกลับไปสิ้นสุดการรอคอย แม้ว่าจะนานสักหน่อย
โครงการน้อยเกิดมาชื่อว่า "เมิลขแมร์ แลไทย" คร้้งแรกและครั้งสุดท้ายคงยากจะมีใหม่อีก
เส้นทางหลายเส้นทางเกิดขึ้นเสมอ ตอนแรกที่มาสอนนั้นเราทำโครงการหลายโครงการเพื่อที่จะสร้างในเรื่องของความสัมพันธ์และขยายใหญ่ขึ้นด้วยว่าการเรียนในเรื่องของภาษาที่สองนั้น หากว่าจะให้ดีนั้นจะต้องไปฝึกในการใช้ภาษาในถิ่นจริง เหมือนเราเองที่เคยเรียนในแต่ละภาษา แล้วในระยะเวลาหนึ่งนั้นไม่ได้มีการใช้งาน สิ่งเหล่านั้นเหมือนจะวิ่งหายไปจากสมองเรา
วันนี้จะมาเล่าเรื่องราวในการเดินทางไปในสถานที่ในประเทศของตนเอง แต่เป็นการมาที่เรียกว่านำพาคนต่างชาติที่เรียนภาษาเรานั้นมาเข้าใจบริบทของคนไทย ในระยะเวลาสองอาทิตย์ เดินทางเที่ยวรอบสถานที่ในกรุงเทพ มหาสารคาม จันทบุรี และตราด กลับเข้าประเทศเป็นอันจบ นอกจากนั้นเรายังได้เข้าไปในวัดรอบวัง สามสี่วัดเลยทีเดียว
ตอนนั้นเรามาด้วยกันหลายคน นอนกันคนละห้อง ห้องใหญ่มากแต่ทุกครั้งที่เรานั้นนอนโรงแรมไหน จะต้องมาถ่ายภาพกับเจ้าตัวประหลาดศิลปะในเตียงนอน ที่ทำจากผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้า ในบางห้องนั้นที่เราเหนื่อยแทบจะไม่แกะห่อผ้าเพราะว่าง่วงเลยนอนหลับก่อนไปเลย
โลกกลมมากเจอกันครั้งแรกในกัมพูชาแต่ว่าเราทั้งสองนั้นเป็นคนไทย เอาจริงน่าจะอยู่นานที่สุดแล้วในบรรดาอาจารย์คนไทยที่ไปสอนที่นั่น ในส่วนของพี่พีนั้นเจอช่วงเวลาที่มีความไม่เข้าใจกันระหว่างสองประเทศจนต้องหนีกลับหลบมาประเทศไทย เป็นปี ส่วนเรานั้นไม่มีเลย ตลอดทั้งเจ็ดปีอยู่ยาวกลับไปกลับมาเข้าออกเป็นว่าเล่นเพราะว่าว่างเราก็เดินทางมาซื้อของที่เซเว่นแล้วก็กลับไป มาให้หายคิดถึงเดินเที่ยวแล้วก็กลับ คงไม่ยากเกินไปในหลายอย่างตอนนั้น แต่ตอนนี้เราทั้งสองนั้นกลับมาอยู่บ้านเราทำงานกันในไทยแล้ว
แน่นอนว่าไม่ได้เป็นเฉพาะอาจารย์ นักเรียนก็เป็นเหมือนกัน วิ่งมาหาเราที่ห้องแล้วบอกว่าตัวอะไรไม่รู้บนเตียงของฉัน ฉันสามารถที่จะยกมันลงได้ไหม หรือจะต้องแจ้ง เขาทำอะไรไว้ในห้องมาแบบหน้าตาตื่น เราเลยตอบกลับไปว่า นั่นคือผ้าเช็ดตัวและผ้าเช็ดหน้าของเรา สามารถที่จะยกออกมา แกะออกมาเลยทำให้มันเป็นผ้าเช็ดตัวได้
นักเรียนหลายคนไม่กล้า เพราะว่าในบ้านของเขานั้นเวลาที่เราไปในโรงแรมจะจีบไว้อย่างดีเฉยๆ ไม่ได้มีพิธีมากอย่างเราพับเป็นรูปนั่นรูปนี่ แต่สุดท้ายแล้วไม่ได้นอนเตียงเพราะว่าเดินเที่ยวถึงตีหนึ่งกลับมาอาบน้ำเก็บของก็ได้เวลาเดินทางออกจากที่พัก
อาหารเช้าสำคัญเสมอแน่นอนว่าในแต่ละโรงแรมนั้นจะมีเสมอคือในส่วนของอาหารเช้า ราคาห้าร้อยก็มีเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นข้าวต้มร้อนและกาแฟ โอวัลติน แต่ที่นี่ราคาคืนละเจ็ดร้อยบาทมีอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ ตามสบายเลยในการทานอาหารเช้า ไข่ดาวและลูกชิ้นเหมือนเดิม เพราะว่าเรานั้นจะไม่ทานสลัด หรือว่าข้าวต้มโจ๊ก กินแบบชาวตะวันตกมาก ไส้กรอกไข่ดาว
อย่างนี้ก็ชอบเหมือนกัน การตกแต่งห้องด้วยของโบราณที่ดูแล้วสวยงาม ในยามีค่ำคืนของแอร์เย็นฉ่ำสบาย เข้ากับบรรยากาศของการพักผ่อนเพราะว่าเรานั้นมาดูแลนักศึกษาและให้ความสะดวกในการเดินทาง ตอนนั้นเรามาด้วยกันทั้งหมดน่าจะสี่คน แต่อาจารย์คนไทยนั้นมาสองคน อาจารย์ชายมาทั้งหมด เป็นโครงการที่ดี ที่ทำทั้งสองประเทศ แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีโครงการนี้ขึ้นมาเลย เพราะว่าหันมาเรียนแลกเปลี่ยนระหว่างสองมหาวิทยาลัย

















