ฮุน เซน" โหมดทำงาน 24 ชม.! ตี 3 ยังไม่นอนโพสต์นั่งทำงานอยู่ พร้อมจิบกาแฟ
สมเด็จฮุน เซน ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด หลังเหตุทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัวโดยไทย – เผยความคืบหน้าหลังการหยุดยิง
ในช่วงดึกของวันที่ 4 สิงหาคม 2568 ท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนที่คนส่วนใหญ่กำลังพักผ่อน สมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ได้แสดงให้เห็นถึงบทบาททางการเมืองและการทูตอันเข้มข้นอีกครั้ง ด้วยการโพสต์ภาพผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวในช่วงเวลาประมาณ 03.35 น. แสดงให้เห็นถึงการเฝ้าติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างต่อเนื่อง ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสมเด็จฮุน เซน ขณะนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ ร่วมกับทีมงานใกล้ชิด โดยมีภริยา บุน รานี นั่งอยู่เคียงข้างในค่ำคืนที่เงียบเหงาแต่เต็มไปด้วยความตึงเครียด
ความเคลื่อนไหวยามวิกาลจากผู้มีอำนาจสูงสุดของรัฐสภา
การโพสต์ครั้งนี้ของสมเด็จฮุน เซน มิใช่เพียงการอัปเดตชีวิตส่วนตัวในยามค่ำคืน แต่เป็นการส่งสารเชิงสัญลักษณ์ที่มีนัยยะทางการเมืองและการทูตอย่างลึกซึ้ง โดยในข้อความที่โพสต์แนบมากับภาพนั้น ระบุอย่างชัดเจนว่า ขณะที่ “พี่น้องทุกคนหลับหมดแล้ว” ตนและคณะทำงานยังคง “อยู่หน้าระบบวิดีโอ” เพื่อประสานงานกับผู้นำทางทหาร อาทิ สมเด็จเตีย บัญ และผู้บัญชาการทหารบก เหมา โสพัน เพื่อหารือเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา
นอกจากนี้ ยังมีการเปิดเผยว่า ผู้บัญชาการทหารสูงสุด วง พิเสน ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อเตรียมการประชุมระดับภูมิภาคในเช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่อีกฝ่ายหนึ่ง ได้แก่ นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต และคณะทำงานระดับสูง กำลังดำเนินมาตรการทางการทูตเพื่อขอความช่วยเหลือจากองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ “คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ICRC)” เพื่อให้เข้าแทรกแซงและช่วยเหลือทหารกัมพูชา 18 นาย ที่ถูกทางการไทยจับกุมภายหลังเหตุปะทะก่อนการหยุดยิงจะมีผลบังคับใช้
เบื้องหลังการเจรจาหยุดยิง: จากการปะทะสู่ความพยายามสันติ
สถานการณ์ที่ชายแดนระหว่างประเทศไทยและกัมพูชามีความตึงเครียดอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา จากรายงานข่าวก่อนหน้านี้ พบว่ามีเหตุปะทะเล็กน้อยตามแนวชายแดนบางจุดในจังหวัดสระแก้ว และประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งส่งผลให้ทั้งสองฝ่ายต้องจัดกำลังเสริมเข้าควบคุมสถานการณ์ และมีการเคลื่อนไหวของหน่วยปฏิบัติการพิเศษจากกัมพูชาในบางจุด
รายงานที่ไม่ได้รับการยืนยันระบุว่า ทหารกัมพูชาจำนวน 18 นาย ได้หลงเข้าไปในเขตแดนไทยในระหว่างการลาดตระเวน และถูกควบคุมตัวโดยกองกำลังไทยในขณะนั้น แม้ว่าต่อมาจะมีข้อตกลงหยุดยิงระหว่างสองประเทศ แต่ฝ่ายไทยยังไม่ได้ดำเนินการส่งตัวทหารทั้งหมดกลับประเทศกัมพูชา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความกังวลที่ทำให้สมเด็จฮุน เซน ต้องออกมาแสดงท่าทีอย่างเปิดเผยในค่ำคืนนั้น
“เราจะไม่ยอมให้ใครละเมิดข้อตกลงหยุดยิง” – สมเด็จฮุน เซน
ในข้อความที่โพสต์บนเฟซบุ๊ก สมเด็จฮุน เซน ยืนยันว่า ตนได้ติดต่อกับ “ผู้บัญชาการแถวหน้า” บางส่วน และย้ำว่ากองกำลังของกัมพูชาจะปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยพร้อมทั้ง “เฝ้าระวังอย่างสูง” ในกรณีที่เกิดการละเมิดจากฝ่ายตรงข้าม
ท่าทีดังกล่าวสะท้อนถึงความกังวลของผู้นำระดับสูงกัมพูชา ที่เกรงว่าความไม่ชัดเจนในการปฏิบัติตามข้อตกลงจะนำไปสู่การปะทะซ้ำอีกครั้ง และอาจส่งผลเสียต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศทั้งสองในระยะยาว
ฮุน เซนในบทบาทผู้นำรัฐสภา: ยังทรงอิทธิพลทางการเมือง
แม้ว่าปัจจุบันสมเด็จฮุน เซนจะไม่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยได้ส่งไม้ต่อให้กับบุตรชายคือ “ฮุน มาเนต” ตั้งแต่ปี 2566 แต่บทบาทของเขาในฐานะประธานวุฒิสภายังคงเป็นที่ยอมรับและมีอิทธิพลสูงในโครงสร้างทางการเมืองของกัมพูชา
ฮุน เซนยังคงทำหน้าที่ในฐานะ “ผู้อาวุโส” ที่ดูแลเสถียรภาพทางการเมืองทั้งภายในประเทศและในเวทีระหว่างประเทศ โดยเฉพาะเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ด้านความมั่นคง หรือการเจรจาระหว่างประเทศที่ต้องอาศัยประสบการณ์การเมืองกว่า 40 ปีของเขา
บันทึกยามดึก: “จากกาแฟน้ำตาล 100% สู่เป้าหมาย 0%”
นอกเหนือจากการอัปเดตสถานการณ์ทางการเมืองแล้ว สมเด็จฮุน เซนยังได้แสดงด้านที่เป็นส่วนตัว โดยกล่าวถึง “กาแฟ” ที่ตนดื่มในช่วงค่ำว่า “วันก่อนกินกาแฟน้ำตาล 100% วันนี้ น้ำตาล 30% และกำลังเดินหน้าสู่เป้าหมาย ‘น้ำตาล 0%’” ข้อความดังกล่าวอาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยในเชิงสุขภาพ แต่ก็สามารถตีความได้ว่าเป็นสัญญะของ “ความตั้งใจในการเปลี่ยนแปลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป” ทั้งในระดับส่วนตัวและระดับรัฐ
นอกจากนี้ ยังมีการกล่าวถึงความสัมพันธ์ในครอบครัว โดยภริยา “บุน รานี” อยู่เคียงข้างขณะทำงาน สื่อให้เห็นถึงภาพลักษณ์ผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนจากครอบครัว และให้ความสำคัญกับทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว
การทูตทางเฟซบุ๊ก: รูปแบบใหม่ของการส่งสัญญาณทางการเมือง
การโพสต์ข้อความและภาพผ่านเฟซบุ๊กของผู้นำประเทศในยุคปัจจุบันไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ในกรณีของสมเด็จฮุน เซน สิ่งที่แตกต่างคือ ความต่อเนื่องและความจริงจังของเนื้อหาที่เขานำเสนอผ่านโซเชียลมีเดีย
ไม่ว่าจะเป็นการแถลงจุดยืนทางการเมือง การเปิดเผยรายละเอียดเบื้องหลังการประชุม หรือแม้แต่การสื่อสารโดยตรงกับประชาชนในช่วงเวลาวิกฤต ล้วนเป็นกลยุทธ์ของผู้นำที่ต้องการสื่อสารกับทั้ง “ประชาชนในประเทศ” และ “เวทีระหว่างประเทศ” ไปพร้อมกัน
บทวิเคราะห์: ความสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาบนรอยร้าวแห่งความเชื่อใจ
แม้ว่าประเทศไทยและกัมพูชาจะมีความร่วมมือทางเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว และการค้าอย่างใกล้ชิดในระดับประชาชน แต่ในระดับรัฐ ความเชื่อใจระหว่างสองประเทศยังคงมีรอยร้าวจากเหตุการณ์ในอดีต ทั้งในเรื่องของเส้นเขตแดน พื้นที่ทับซ้อนทางประวัติศาสตร์ และการเคลื่อนไหวทางทหารในบางช่วงเวลา
กรณีทหารกัมพูชาถูกควบคุมตัวโดยกองกำลังไทยครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งบททดสอบสำคัญต่อความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และการจัดการกับเหตุการณ์นี้อย่างรอบคอบและมีหลักการ จะเป็นเครื่องชี้วัดว่า ไทย-กัมพูชา สามารถดำรงอยู่ร่วมกันอย่างสันติท่ามกลางความแตกต่างทางภูมิรัฐศาสตร์ได้หรือไม่
สรุป: ค่ำคืนที่ยังไม่หลับใหล กับการเมืองที่ไม่รู้จักพักผ่อน
การที่สมเด็จฮุน เซนยังคงนั่งทำงานและเฝ้าติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาในยามวิกาล พร้อมกับแสดงบทบาทของ “ผู้นำที่ยังไม่หมดภารกิจ” ชี้ให้เห็นว่าการเมืองในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังคงเต็มไปด้วยพลวัต และต้องการผู้นำที่มีทั้งความเด็ดขาดและวิสัยทัศน์ในการรักษาความสงบและผลประโยชน์ของชาติ
การดำเนินการของกัมพูชาต่อเหตุการณ์นี้จึงไม่ควรมองข้าม เพราะแม้จะอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านของผู้นำทางการเมือง แต่เงาของผู้นำรุ่นก่อนอย่างฮุน เซน ก็ยังคงดำรงอยู่อย่างแข็งแกร่ง และพร้อมจะส่งสัญญาณชัดเจนต่อทุกฝ่าย ไม่เว้นแม้แต่ “ประเทศเพื่อนบ้าน” อย่างไทย





