แตกตื่น! แฉตำรวจเชียงใหม่สวมหน้ากากแบทแมน ทำคอนเทนต์วาบหวิว
ฉาววงการกากี! เพจดังแฉตำรวจเชียงใหม่รับจ๊อบเสริมเป็น “เซ็กซ์ครีเอเตอร์” ใส่หน้ากากแบทแมนถ่ายคลิปสยิวลงแอคหลุม – ชาวเน็ตจี้ตรวจสอบ
วันที่ 12 สิงหาคม 2568 โลกโซเชียลได้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรง หลังเพจชื่อดัง “ตลาดล่างอัปเกรด” ออกมาโพสต์ข้อมูลแฉพฤติกรรมสุดฉาวของเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่ง สังกัด สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ โดยอ้างว่าตำรวจนายนี้รับงานเสริมเป็น “เซ็กซ์ครีเอเตอร์” หรือผู้สร้างคอนเทนต์ทางเพศ ลงใน “แอคหลุม” หรือบัญชีโซเชียลที่ตั้งค่าให้เข้าถึงได้เฉพาะกลุ่มเป้าหมาย พร้อมเรียกร้องให้ต้นสังกัดและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบ
จุดเริ่มต้นของกระแส – เพจดังโพสต์ทวงถามความยุติธรรม
ต้นเรื่องเริ่มจากเพจ “ตลาดล่างอัปเกรด” ได้เผยแพร่ข้อความพร้อมภาพประกอบบางส่วนที่ปกปิดใบหน้าและข้อมูลส่วนตัวบางอย่าง แต่ยังมีการระบุพฤติกรรมว่า ตำรวจนายนี้มีการผลิตคลิปวิดีโอและภาพถ่ายเชิงล่อแหลม สวมหน้ากากแบทแมนปิดบังใบหน้า ก่อนนำไปเผยแพร่บนแพลตฟอร์มปิดหรือ “แอคคลับ” เพื่อแลกกับค่าบริการจากผู้ติดตาม
ในโพสต์ยังระบุด้วยว่า มีพฤติกรรมเข้าข่าย การค้าประเวณี และตั้งคำถามถึงความเหมาะสมในฐานะผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ข้อความจากเพจระบุทำนองว่า
“เรียน สภ.สันกำแพง ทำไมปล่อยให้มีตำรวจนายหนึ่งทำการค้าประเวณี และทำแอคล็อกแอคคลับละคะ เราเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ จะมามีเรื่องแบบนี้ ทั้ง ๆ ที่อาชีพ Sex worker ก็ยังไม่ถูกกฎหมาย แบบนี้ไม่ได้นะคะ ต่อให้หน้ากากหมาก็ยังดูออก”
เสียงวิจารณ์จากชาวเน็ต – ดับเบิ้ลสแตนดาร์ดในวงการกฎหมาย?
หลังโพสต์ถูกเผยแพร่ ไม่นานชาวเน็ตจำนวนมากเข้ามาแสดงความคิดเห็น หลายคนมองว่าพฤติกรรมดังกล่าวสร้างความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์ของตำรวจไทย โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาว่าอาชีพ Sex worker หรือการค้าบริการทางเพศยังคงเป็นสิ่งผิดกฎหมายในประเทศไทย
หนึ่งในประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างมากคือ “มาตรฐานสองชั้น” (Double Standard) ที่ถูกตั้งข้อสังเกตว่า หากเป็นประชาชนทั่วไปที่ผลิตหรือเผยแพร่คอนเทนต์เชิงล่อแหลม อาจถูกจับกุมและดำเนินคดีทันที แต่เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจกลับดูเหมือนว่าจะยังไม่มีการเคลื่อนไหวหรือดำเนินการใด ๆ อย่างชัดเจน
ชาวเน็ตบางส่วนให้ความเห็นเชิงประชดประชันว่า “พอเป็นประชาชนทั่วไป ไล่จับกันใหญ่ แต่พอเป็นตำรวจเหมือนกัน ทำไมไม่มีใครจับ ทั้ง ๆ ที่หน้าชัดทุกอย่าง”
แอคหลุมและแอคคลับ – โลกออนไลน์แบบปิดที่กำลังแพร่หลาย
สำหรับคำว่า “แอคหลุม” หรือ “แอคคลับ” ในโลกโซเชียล หมายถึงบัญชีที่สร้างขึ้นโดยไม่เปิดเผยตัวตนจริง มักใช้ชื่อและรูปภาพที่ไม่สามารถเชื่อมโยงกับเจ้าของบัญชีได้โดยตรง และมีการตั้งค่าความเป็นส่วนตัวสูง จำกัดการเข้าถึงเฉพาะผู้ที่ได้รับอนุญาต ซึ่งในหลายกรณี แอคประเภทนี้ถูกใช้เพื่อเผยแพร่คอนเทนต์ที่มีเนื้อหา 18+ หรือเนื้อหาล่อแหลมทางเพศ แลกกับค่าบริการรายเดือนจากผู้ติดตาม
แม้จะเป็นพื้นที่ออนไลน์แบบปิด แต่ก็ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยจากการบังคับใช้กฎหมาย เนื่องจากกฎหมายไทย เช่น พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2539 และ ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287 ว่าด้วยการเผยแพร่สื่อลามก ยังคงมีผลบังคับใช้แม้จะเป็นการเผยแพร่ในวงจำกัด
มุมมองทางกฎหมาย – ตำรวจทำผิดยิ่งมีโทษหนัก
ในแง่กฎหมาย หากข้อกล่าวหาที่เพจดังกล่าวเป็นความจริง เจ้าหน้าที่ตำรวจที่มีพฤติกรรมดังกล่าวอาจเข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อหา ได้แก่
1. การค้าประเวณี – ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณีฯ
2. การเผยแพร่สื่อลามก – ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 287
3. ผิดวินัยร้ายแรงของข้าราชการตำรวจ – ซึ่งตามระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ข้าราชการตำรวจต้องรักษาความประพฤติให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่สังคม
หากถูกพิสูจน์ว่ามีความผิดจริง นอกจากโทษทางอาญาแล้ว ยังอาจถูกลงโทษทางวินัยสูงสุดถึงขั้นปลดออกหรือไล่ออกจากราชการ
ภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นต่อองค์กรตำรวจ
กรณีนี้ตอกย้ำปัญหาความเชื่อมั่นต่อองค์กรตำรวจที่สังคมไทยพูดถึงมาอย่างต่อเนื่อง หลายปีที่ผ่านมา มีข่าวเกี่ยวกับการประพฤติมิชอบของเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายรูปแบบ ตั้งแต่การรับสินบน การใช้กำลังเกินกว่าเหตุ จนถึงพฤติกรรมส่วนตัวที่ไม่เหมาะสม
แม้ตำรวจส่วนใหญ่จะปฏิบัติหน้าที่อย่างซื่อสัตย์ แต่เหตุการณ์ลักษณะนี้กลับกลายเป็น “จุดดำ” ที่ทำให้สังคมตั้งคำถามถึงระบบตรวจสอบภายใน และความจริงจังในการจัดการปัญหาพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่
เสียงเรียกร้องให้ตรวจสอบอย่างโปร่งใส
เพจตลาดล่างอัปเกรดย้ำว่า จุดประสงค์ของการเผยแพร่เรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อล่าแม่มดหรือประจานบุคคล แต่ต้องการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างโปร่งใส เพื่อสร้างความมั่นใจแก่สาธารณชนว่ากฎหมายมีผลบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียม
ชาวเน็ตจำนวนมากร่วมแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่า หากเป็นเรื่องจริง หน่วยงานต้นสังกัดควรมีการชี้แจงอย่างชัดเจน และดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและวินัยอย่างไม่เลือกปฏิบัติ
ความเคลื่อนไหวจาก สภ.สันกำแพง – รอการชี้แจง
จนถึงขณะนี้ (13 สิงหาคม 2568) ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจาก สถานีตำรวจภูธรสันกำแพง เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว มีเพียงรายงานข่าวจากบางสำนักที่ระบุว่าผู้บังคับบัญชากำลังรวบรวมข้อมูลเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง
หากมีการยืนยันตัวบุคคลและพฤติกรรมตรงตามที่ถูกกล่าวหา อาจมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยและดำเนินการทางกฎหมายควบคู่กันไป
บทสรุป
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการรักษาภาพลักษณ์และมาตรฐานจริยธรรมของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ โดยเฉพาะในยุคโซเชียลมีเดียที่ข้อมูลสามารถถูกเผยแพร่ได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวาง การมีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายหรือขัดต่อศีลธรรมสาธารณะ ย่อมทำให้สังคมตั้งคำถามถึงความโปร่งใสและความเท่าเทียมในการบังคับใช้กฎหมาย
สังคมกำลังจับตามองว่า สภ.สันกำแพงและสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะจัดการกับกรณีนี้อย่างไร เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นและยืนยันว่ากฎหมายไทยใช้บังคับกับทุกคนอย่างเสมอภาค ไม่ว่าจะอยู่ในเครื่องแบบหรือไม่
อ้างอิงจาก: เพจตลาดล่างอัปเกรด
























