สลด! อดีตนางงามฟิลิปปินส์ ถูกลักพาตัว พบเป็นศพลอยทะเล
อดีตนางงามฟิลิปปินส์ถูกลักพาตัวและฆาตกรรมโหด ตำรวจชี้เป็นคดีที่วางแผนไว้ล่วงหน้า
เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เว็บไซต์ เดลีเมล รายงานข่าวสะเทือนขวัญจากประเทศฟิลิปปินส์ กรณีการเสียชีวิตอย่างโหดเหี้ยมของ อัคคืน อาร์ราดาซา (Acquene Arradaza) วัย 35 ปี อดีตนางงามผู้ครองตำแหน่งมิส มาตาก-ออบ ฟิลิปปินส์ (Miss Matag-ob) ซึ่งหายตัวไปหลังถูกลักพาตัวจากร้านขายของชำในเมืองออร์มือก (Ormoc City) เพียง 4 วันก่อนพบเป็นศพ
เหตุการณ์นี้สร้างความสะเทือนใจให้กับชาวฟิลิปปินส์และประชาชนในหลายประเทศ เนื่องจากผู้ตายเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียง เคยเข้าร่วมประกวดเวทีความงามระดับท้องถิ่น และยังเป็นที่รักของครอบครัวและเพื่อนฝูง
ลำดับเหตุการณ์ก่อนพบศพ
จากรายงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจและพยานในพื้นที่ เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2568 กล้องวงจรปิดหน้าร้านขายของชำแห่งหนึ่งสามารถบันทึกภาพช่วงเวลาสำคัญได้อย่างชัดเจน
ในภาพปรากฏรถกระบะโตโยต้า วีโก สีดำ หมายเลขทะเบียน 1799 จอดอยู่หน้าร้าน จากนั้นชายติดอาวุธ 3 คนลงจากรถ และใช้กำลังบังคับ อัคคืน อาร์ราดาซา ให้ขึ้นรถไปต่อหน้าประชาชนที่อยู่ในบริเวณดังกล่าว ก่อนที่รถจะขับออกไปอย่างรวดเร็ว
การลักพาตัวครั้งนี้เกิดขึ้นกลางวันแสก ๆ ในพื้นที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน ทำให้ชาวบ้านในพื้นที่ตกใจและหวาดกลัว เนื่องจากกลุ่มคนร้ายดูเหมือนจะไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายหรือการถูกจับกุม
พบศพในทะเลพร้อมหลักฐานบ่งชี้การฆาตกรรมโหด
วันที่ 4 สิงหาคม 2568 ชาวประมงท้องถิ่นพบร่างไร้ชีวิตลอยอยู่ในทะเลนอกชายฝั่งบารังไก 99 ดิอิต (Barangay 99 Diit) เมืองออร์มือก ก่อนรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยกู้ภัยให้เข้ามาตรวจสอบ
เมื่อเจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ภาพที่เห็นสร้างความสะเทือนใจอย่างยิ่ง
ร่างของผู้ตายอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า
ปากและตาถูกปิดอย่างแน่นหนา
มือและเท้าถูกมัดด้วยเชือก
คอถูกล็อกด้วยกุญแจจักรยาน
มีการถ่วงร่างด้วยกระสอบบรรจุหิน 2 ใบ เพื่อให้จมลงในน้ำ
ใบหน้าถูกคลุมด้วยผ้าสีดำ และพันซ้ำด้วยเทปกาวหลายรอบ
สภาพศพบวมและมีร่องรอยการถูกทำร้ายอย่างรุนแรง บางส่วนของร่างกายไม่สมบูรณ์เนื่องจากอยู่ในน้ำเป็นเวลาหลายวัน
ผลการชันสูตรยืนยันตัวตน
ผลการตรวจสอบจากแพทย์นิติเวชยืนยันว่าศพดังกล่าวคือ อัคคืน อาร์ราดาซา ซึ่งหายตัวไปตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม โดยหลักฐานจากร่องรอยบาดแผลและวิธีการถ่วงน้ำ บ่งชี้ชัดว่าเป็นการฆาตกรรมที่โหดเหี้ยมและมีการเตรียมการล่วงหน้า
ความล่าช้าในการแจ้งความและคำวิจารณ์จากตำรวจ
แม้การลักพาตัวจะเกิดขึ้นตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม แต่ครอบครัวของผู้ตายได้แจ้งความต่อเจ้าหน้าที่ในช่วงเช้าวันที่ 4 สิงหาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่พบศพ ทำให้ ร้อยโท โนวา ต้น โฆษกตำรวจเมืองออร์มือก แสดงความเห็นว่า
“หากครอบครัวแจ้งความทันทีหลังเกิดเหตุ มีความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถช่วยชีวิตเธอได้”
คำกล่าวนี้สร้างการถกเถียงในสังคม บางคนมองว่าครอบครัวอาจตกอยู่ในสภาวะช็อกและไม่รู้วิธีจัดการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะที่อีกฝ่ายเห็นว่าการแจ้งความล่าช้าเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้โอกาสช่วยเหลือลดลง
ครอบครัวผู้ตายเรียกร้องความยุติธรรม
หลังจากทราบข่าวการเสียชีวิต แม่ของผู้ตาย วิลมา อาร์ราดาซา ได้ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่น พร้อมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่รัฐและผู้มีอำนาจทางการเมืองเร่งติดตามคดีและจับกุมผู้กระทำผิดให้ได้โดยเร็ว
พี่สาวของผู้ตายยังเปิดเผยข้อมูลสำคัญว่า ในเช้าวันเกิดเหตุ อัคคืนเคยพูดคุยกับชายคนหนึ่งชื่อ เพย์-แอป ดริลอน (Pay-app Drilon) ก่อนจะถูกลักพาตัว ซึ่งอาจเป็นเบาะแสสำคัญในคดีนี้
มุมมองจากตำรวจ: คดีมีการวางแผนล่วงหน้า
ตำรวจเมืองออร์มือกยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นการกระทำที่จงใจและมีการวางแผนล่วงหน้า กลุ่มคนร้ายน่าจะรู้ตารางชีวิตและพฤติกรรมของผู้ตายเป็นอย่างดี จึงสามารถลงมือได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
ขณะนี้ เจ้าหน้าที่กำลังเร่งติดตามพยานหลักฐาน ทั้งจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม พยานบุคคลในพื้นที่ และข้อมูลการติดต่อสื่อสารของผู้ตายในช่วงก่อนเสียชีวิต
ปฏิกิริยาของสังคมและแรงกดดันต่อการทำคดี
หลังข่าวถูกเผยแพร่ สื่อสังคมออนไลน์ในฟิลิปปินส์เต็มไปด้วยข้อความไว้อาลัยและเรียกร้องความยุติธรรมให้กับอัคคืน แฮชแท็ก #JusticeForAcquene ถูกใช้มากกว่า 1 ล้านครั้งภายใน 48 ชั่วโมง
หลายคนวิจารณ์ว่าการบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ยังมีช่องโหว่ และเรียกร้องให้รัฐบาลปรับปรุงมาตรการป้องกันเหตุลักพาตัวและความรุนแรงต่อผู้หญิง
อัคคืน อาร์ราดาซา: ชีวิตและความฝันที่ถูกพรากไป
อัคคืนไม่ได้เป็นเพียงอดีตนางงาม แต่ยังเป็นบุคคลที่มีบทบาทในชุมชน เธอเคยเข้าร่วมกิจกรรมการกุศลและช่วยเหลือผู้ยากไร้ในท้องถิ่น เธอมีความฝันที่จะเปิดร้านกาแฟของตัวเอง และใช้พื้นที่นั้นเป็นศูนย์รวมกิจกรรมของคนในชุมชน
เพื่อนสนิทเล่าว่า เธอเป็นคนร่าเริง ใจดี และชอบช่วยเหลือผู้อื่น จึงเป็นที่รักของทุกคน การจากไปของเธอจึงไม่เพียงแต่สร้างความสูญเสียต่อครอบครัว แต่ยังต่อทั้งชุมชน
คดีที่ยังไม่ปิดและคำถามที่รอคำตอบ
จนถึงขณะนี้ (กลางเดือนสิงหาคม 2568) คดียังคงอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างเข้มข้น ตำรวจยังไม่เปิดเผยว่ามีผู้ต้องสงสัยหรือผู้ถูกควบคุมตัวกี่คน แต่ยืนยันว่าจะไม่หยุดจนกว่าจะนำคนร้ายมาลงโทษ
สังคมยังคงจับตาและรอคอยคำตอบว่า ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการลักพาตัวและสังหารอดีตนางงามผู้นี้ และเหตุใดเธอจึงตกเป็นเป้าหมายของความรุนแรงที่โหดเหี้ยมเช่นนี้

















