เขมรเดือด! เกณฑ์คนหลายร้อยกดดันทหารไทย ตะโกนรื้อรั้วลวดหนาม
ชาวกัมพูชากดดันทหารไทยชายแดนสระแก้ว: เหตุการณ์ล่าสุดและการรักษาอธิปไตย
เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เพจ Army Military Force ได้โพสต์วิดีโอและข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา โดยระบุรายละเอียดว่า เวลา 17.29 น. ของวันดังกล่าว ที่ จุดผ่านแดนบ้านหนองจาน อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว พบว่าทหารกัมพูชายังคงเกณฑ์ชาวบ้านเขมรเข้ามาในพื้นที่ชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีทั้งเด็ก วัยรุ่น คนแก่ คนพิการ และแม้กระทั่งพระสงฆ์ รวมจำนวนหลายร้อยคน
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ทหารไทยกำลังเฝ้าติดตามชายแดนอย่างใกล้ชิด โดยมีแกนนำชาวเขมรถือไมโครโฟน นำชาวบ้านชุมนุมและกดดันทหารไทย พร้อมตะโกนด่าทอให้รื้อรั้วลวดหนามและยางรถยนต์ อีกทั้งยังกล่าวเท็จว่าทหารไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาและปิดทางเข้าออกหมู่บ้าน ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดยิ่งขึ้น
การตอบสนองของทหารไทย
เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ดังกล่าว ทหารไทยได้ดำเนินมาตรการรักษาความปลอดภัยโดยทันที โดย ขึงสแลนสีดำ รอบพื้นที่เพื่อลดการส่องกล้องและการบันทึกภาพจากฝั่งกัมพูชา นอกจากนี้ยังติดตั้ง กล้องวงจรปิดและไฟสปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์ เพื่อเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
หนึ่งในมาตรการสำคัญคือการเพิ่มความสูงของเสาและอุปกรณ์ส่องสว่าง เนื่องจากพบว่ามีชาวเขมรเข้ามาแอบถ่ายคลิปและส่องพฤติกรรมของทหารไทย รวมทั้งมีการพูดจาหยาบคายและเหยียดหยามเจ้าหน้าที่ ทำให้การขึงสแลนสีดำถือเป็นมาตรการที่จำเป็นเพื่อรักษาความปลอดภัยและอธิปไตยของไทย
จากคลิปและภาพที่ปรากฏก่อนหน้านี้ สามารถเห็นได้ชัดว่ามีการชุมนุมและพยายามกดดันทหารไทยอย่างเป็นระบบ แต่ทหารไทยยังคงรักษาการควบคุมพื้นที่และไม่ได้ตอบสนองตามคำเรียกร้องของชาวเขมรแต่อย่างใด ซึ่งแสดงถึง ความเด็ดขาดในการรักษาอธิปไตยของชาติ
ลำดับเหตุการณ์
เหตุการณ์ความตึงเครียดเริ่มตั้งแต่ช่วง บ่าย 2 โมงกว่า โดยมีลักษณะเป็นการรวมกลุ่มของชาวกัมพูชาในพื้นที่ชายแดน โดยสามารถสรุปเป็นลำดับเหตุการณ์ได้ดังนี้
1. เริ่มชุมนุมและกดดันทหารไทย
แกนนำชาวเขมรถือไมค์นำกลุ่มชาวบ้านตะโกนและเรียกร้องให้รื้อรั้วลวดหนาม พร้อมกล่าวเท็จว่าทหารไทยรุกล้ำดินแดน
2. มีผู้เข้าร่วมหลากหลายวัย
จากการสังเกต พบว่ามีทั้งเด็ก วัยรุ่น คนชรา คนพิการ และพระสงฆ์ร่วมอยู่ในกลุ่มชุมนุม ซึ่งสะท้อนถึงการเกณฑ์เข้าร่วมอย่างเป็นระบบ
3. ทหารไทยเฝ้าติดตามและรักษาความปลอดภัย
ทหารไทยไม่ได้ตอบสนองต่อคำเรียกร้องของกลุ่มชาวเขมร แต่ดำเนินมาตรการป้องกัน โดยขึงสแลนสีดำและติดตั้งกล้องวงจรปิด
4. เหตุการณ์ยังคงต่อเนื่องจนถึงเวลาเย็น
จนถึงเวลา 17.29 น. ทหารไทยยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์และควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด
บริบทความขัดแย้งชายแดนไทย-กัมพูชา
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนถึง ความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ยังคงมีปัญหามานานหลายปี สาเหตุส่วนหนึ่งเกิดจากการตีความเขตแดนที่ต่างกัน และข้อพิพาทเรื่องที่ดินบางพื้นที่ ทำให้ประชาชนท้องถิ่นบางส่วนถูกชักจูงให้เข้าร่วมกิจกรรมกดดันทหาร
นอกจากนี้ การใช้กลยุทธ์ชุมนุมของชาวเขมรยังมีลักษณะ การรวมกลุ่มหลายระดับอายุ เพื่อสร้างแรงกดดันต่อเจ้าหน้าที่ไทย ซึ่งสามารถเห็นได้จากการที่เด็ก คนแก่ และพระสงฆ์ถูกนำเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการชุมนุม
ฝ่ายไทยเองก็ต้องปฏิบัติภารกิจด้วยความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงและคง อธิปไตยของชาติ โดยยังคงไม่ตอบสนองต่อคำเรียกร้องเท็จจากฝั่งกัมพูชา
มาตรการรักษาความปลอดภัยของทหารไทย
ทหารไทยได้ปรับกลยุทธ์การเฝ้าชายแดนอย่างทันทีเพื่อรับมือกับสถานการณ์นี้ โดยมีมาตรการหลักดังนี้
1. ขึงสแลนสีดำ
เพื่อป้องกันการแอบถ่ายและลดการสื่อสารทางภาพจากฝั่งกัมพูชา
2. ติดตั้งกล้องวงจรปิดและไฟสปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์
เพื่อเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มชาวเขมรและตรวจสอบความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
3. เพิ่มความสูงของเสาและอุปกรณ์ส่องสว่าง
ป้องกันการแอบสอดส่องจากฝั่งตรงข้าม และสร้างความมั่นใจให้เจ้าหน้าที่ในการควบคุมพื้นที่
4. รักษาอธิปไตยโดยไม่ตอบสนองต่อคำเรียกร้องเท็จ
การไม่ปฏิบัติตามคำเรียกร้องของฝั่งเขมรเป็นการยืนยันว่าไทยยังคงยืนหยัดในหลักการอธิปไตย
วิเคราะห์สถานการณ์
เหตุการณ์ชุมนุมของชาวกัมพูชาในจุดผ่านแดนบ้านหนองจานครั้งนี้ เป็นตัวอย่างของ ความซับซ้อนของความขัดแย้งชายแดน ที่ไม่เพียงเกี่ยวข้องกับรัฐบาล แต่ยังเกี่ยวข้องกับประชาชนในพื้นที่และกลุ่มแกนนำ
การเกณฑ์ประชาชนหลายวัยเข้าร่วมชุมนุม อาจเป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยาเพื่อสร้างแรงกดดัน
การกล่าวเท็จเรื่องการรุกล้ำดินแดนสะท้อนถึง การใช้ข้อมูลบิดเบือนเป็นเครื่องมือทางการเมือง
ฝ่ายไทยที่ดำเนินมาตรการป้องกันอย่างรอบคอบ แสดงถึง การรักษาสมดุลระหว่างความมั่นคงและสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ การติดตั้งอุปกรณ์ส่องสว่างและกล้องวงจรปิดยังเป็นตัวอย่างของ เทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ช่วยสนับสนุนการปฏิบัติงานทหาร โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนที่มีความเสี่ยงสูง
ผลกระทบต่อพื้นที่ชายแดน
เหตุการณ์ดังกล่าวมีผลกระทบทั้งต่อ ชุมชนชายแดนไทยและการดำเนินงานของทหารไทย
1. ต่อประชาชนไทยในพื้นที่
การชุมนุมและกดดันทหารไทยอาจสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนไทยในพื้นที่ชายแดน ทำให้บางส่วนไม่สามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้อย่างปกติ
2. ต่อการปฏิบัติงานของทหารไทย
เจ้าหน้าที่ต้องเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัย ใช้เวลามากขึ้นในการเฝ้าติดตามสถานการณ์ และจัดการความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
3. ต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
เหตุการณ์นี้อาจสร้างแรงกดดันทางการทูตต่อไทยและกัมพูชา หากไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้อย่างรอบคอบ
ข้อสรุป
เหตุการณ์ชาวกัมพูชากดดันทหารไทยบริเวณ ชายแดนสระแก้ว เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2568 เป็นตัวอย่างของ ความตึงเครียดชายแดนที่ซับซ้อนและต่อเนื่อง ฝ่ายไทยแสดงให้เห็นถึง ความเด็ดขาดในการรักษาอธิปไตย โดยดำเนินมาตรการป้องกันที่เหมาะสม เช่น ขึงสแลนสีดำ ติดตั้งกล้องวงจรปิด และไฟสปอร์ตไลท์โซล่าเซลล์
เหตุการณ์นี้ยังสะท้อนให้เห็นว่า การแก้ปัญหาชายแดนไม่เพียงแต่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล แต่ยังเกี่ยวข้องกับ ประชาชนในพื้นที่และกลุ่มแกนนำ ที่อาจสร้างแรงกดดันทางสังคมและการเมือง
การเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง การใช้เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย และการไม่ตอบสนองต่อคำเรียกร้องเท็จจากฝั่งตรงข้าม ถือเป็น แนวทางการรักษาอธิปไตยและความมั่นคงของประเทศ ที่จำเป็นในทุกสถานการณ์
อ้างอิงจาก: เพจ Army Military Force






















